พูดไป
สองไพเบี้ย
นิ่งเสีย
ตำลึงทอง
อึมครึม
คนไม่พูดในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า คนที่จะไม่แพร่งพรายความลับ
แต่หมายถึงคนที่มีนิสัยพูดน้อย หรือน้อยมาก
คน
“ไม่พูด” นั้นเราพบได้ทั่วไปในชนบททางใต้ ไม่รู้เหมือนกันว่า
จะเป็นด้วยการอบรมเลี้ยงดู หรือด้วยนิสัยใจคอที่ติดตัวมาแต่เกิด
หรือที่ฝรั่งว่า
ไม่รู้ว่าเป็น nurture(การเลี้ยงดู) หรือเป็น nature(ธรรมชาติ)
ลูกฝรั่งมักจะ
“ช่างพูด” มากกว่าลูกไทย
เรื่องนี้เห็นได้จากการสังเกตการณ์ทั่วไป –
กรณีที่บังเอิญว่าตัวเราเคยมีโอกาสได้สังเกตพวกลูกฝรั่ง
นานมาแล้ว
ผู้เขียนเคยทำงาน babysitter เลี้ยงลูกฝรั่งเวลาพ่อแม่ไม่อยู่บ้าน
คือไปธุระหรือไปเที่ยวนอกบ้านชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ได้ไปนาน
เด็กฝรั่งมันจะพูดจากับเราด้วยลักษณะน้ำเสียงเสมือนคนเสมอกัน
คือในลักษณะเพื่อนฝูงกัน มันไม่แบ่งอาวุโส สำหรับเด็กเล็กพอพ่อแม่ออกจากบ้าน
มันก็จะแหกปากร้องตามจ้าก ๆ
ฝ่ายพ่อแม่ก็ดีใจได้ไปเที่ยว หันมาโบกไม้โบกมือ ส่งจูบ บ๊ายบายลูก ลูกมันเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งเพิ่มเดซิเบล
แหกปากร้องจ้าก ๆ ดังยิ่งขึ้นอีก แต่พอพ่อแม่ลับตาไป มันก็จะเลิกร้อง
สักครู่หนึ่งมันก็นอน
ที่ฝรั่งเศส
คนยิ่งช่างพูดไปกันใหญ่ เคยมีคนศึกษาพบว่า
หญิงอเมริกันพูดมากกว่าชายอเมริกัน แต่หญิง-ชายฝรั่งเศสตอแหล(พูด)ปริมาณเท่า ๆ
กันต่อนาที ไม่มีใครแพ้ใคร
สังเกตตัวเอง
เมื่อแรกไปอยู่ฝรั่งเศส ยังพูดน้อยกว่าเมื่อผ่านชีวิตในฝรั่งเศสมาแล้ว ในฝรั่งเศสนั้นทุกคนจะต้องรู้จักแสดงออกด้วย
“วาจา” เขาถือเป็นเรื่องสำคัญ
ซึ่งก็น่าจะถูก เพราะว่ามีแต่มนุษย์เท่านั้นที่มีภาษาพูดอันซับซ้อน
เดรัจฉานรวมทั้งปลาวาฬหรือปลาโลมา มันอาจส่งเสียงสื่อกันได้แต่ภาษา หรือ “language”
ของพวกมันไม่ได้ยากอย่างภาษาคน
ในเมืองไทยทุกวันนี้
ในส่วนภูมิภาคเช่นที่บ้านผู้เขียน เด็ก ๆ ก็รู้จักพูดรู้จักเจรจากันมากกว่า และดีกว่า
สมัยเมื่อผู้เขียนยังเป็นเด็ก ที่นั่งเป็นบื้อเป็นใบ้ หัวเป็นชันนะตุ
แมลงวันตอมหัวหึ่ง ๆ เข้าใจว่าสมัยนี้คงจะเป็นด้วยระบบการศึกษาที่มีเนื้อหา
หลักสูตร และอุปกรณ์การเรียนการสอน ที่ดีขึ้นกว่าเดิม เริ่มตั้งแต่ชั้นอนุบาลเด็กก็ถูกสอนให้รู้จักการสื่อด้วยวาจา
– verbal
communication
สังเกตดูจากหลานผู้เขียนที่เรียนชั้นอนุบาลอยู่ในท้องที่
ก็ยังรู้จักพูด รู้จักเจรจา รวมทั้งรู้จักแสดงความคิดเห็น คอมเม้น สิ่งแวดล้อมรอบ
ๆ ตัว เช่น
ครั้งหนึ่งเราไปเที่ยวที่อำเภอรอบนอก
ของจังหวัดนครศรีธรรมราช
แล้วแวะกินอาหารริมเขื่อนใหญ่ในท้องที่ซึ่งเคยเกิดภัยพิบัติโคลนถล่มลงมาจากภูเขา
ปัจจุบันเขาสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำเล็ก ๆ ไว้จนกลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ใต้น้ำในเขื่อนคือหมู่บ้านที่เคยถูกโคลนถล่มและมีคนตายกันมาก
ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
โต๊ะติดกันกับเราในร้านริมเขื่อน
มีเด็กผู้หญิงเล็ก ๆ ประมาณเด็กอนุบาล วัยเดียวกับหลานผู้เขียน
นั่งอยู่ด้วยคนหนึ่ง หลังอาหารพวกผู้ใหญ่เขาก็พากันลุกขึ้น
เดินดูของที่ระลึกที่วางขายในร้าน ทิ้งเด็กไว้ที่โต๊ะคนเดียว
เข้าใจว่าก็คงจะอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งก็ไม่ได้ไปไหนไกล
ยังคงอยู่กันแถวนั้น
หลานชายของผู้เขียน
มองไปที่เด็กผู้หญิงคนนั้น ซึ่งแลดูราวกับว่ากำลังนั่งอยู่โดดเดี่ยว ลำพังคนเดียว
แล้วถามผู้เขียนว่า
“เด็กนั่น เขาทุ่ม แล้วหรือ?”
ภาษาใต้
“ทุ่ม” แปลว่า ทิ้ง หลานกำลังถามว่า
เด็กผู้หญิงคนนั้นถูกเขาทิ้งไปแล้วหรือ
ในงานบุญ
มีญาติรุ่นหลัง ๆ อายุประมาณสี่สิบต้น ๆ หรือสามสิบปลาย ๆ อยู่คนสองสามคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น
คน “ไม่พูด” ต่างก็มีเมียมีลูกโต ๆ
กันแล้ว
คนไม่พูดสองสามคนนั้นเขาก็ช่วยงานกันขยันขันแข็ง ช่วยตั้งโต๊ะ จัดโต๊ะอาหาร
ยกถาดกับข้าว ยกข้าว ยกน้ำ(ขวด) มาวางที่โต๊ะก่อนแขกจะมา พวกเขาเดินไปเดินมาไม่ได้หยุด และไม่พูด
ผู้เขียนซึ่งระยะหลัง
ๆ นี้พบแต่คนพูด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เป็นชาวบางมะพูดกันเป็นส่วนมาก ได้นั่งสังเกตคนไม่พูดกำลังทำงาน
ด้วยความสนใจ คล้ายกับกำลังสังเกตมนุษย์เผ่าพันธุ์ประหลาด
และตลอดเวลาที่นั่งสังเกตจากมุมไกลนานนับชั่วโมง ก็ไม่เห็นว่าพวกเขา “พูด”
อะไรกับใครสักคำ แลเห็นแต่การเคลื่อนไหว
เดินไปเดินมา หยิบนั่นยกนี่ ช่วยงานสารพัดโดยไม่อ้าปากพูด
ผู้เขียนรู้สึกว่าคนไม่พูด
นอกจากจะแปลกดีแล้ว ยังมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
แต่ว่าโดยทั่วไปสมัยนี้ใครเล่าจะกล้าดัดจริตทำตัวเป็น คนไม่พูด
เพราะอยากมีเสน่ห์อย่างเขาบ้าง? เข้าใจว่าคงจะยาก เพราะเกรงว่าถ้าไม่พูด อาจจะพลาดโอกาสดี
ๆ ในชีวิตไปก็ได้ คนส่วนมากน่าจะคิดว่า ตัวเองคงต้องพูดออกมาบ้าง
คงไม่ปล่อยให้โอกาสดี ๆ ในชีวิต เดินผ่านหน้าตนไปโดยที่ตัวไม่เอ่ยปาก ทักทาย.....กับโอกาสเงินโอกาสทอง
หรือเลขเด็ด
แต่ท่านผู้อ่านแน่ใจหรือว่า
การเอ่ยเอื้อนโอภาปราศรัย จะช่วยให้ท่านโน้มน้าวโอกาสที่ดีดังกล่าวนั้น เอาไว้ได้
- แน่ใจหรือ?
เดฟ นาพญา
บ้านนาพญา
อำเภอหลังสวน
จังหวัดชุมพร
ประเทศ – ไทย
ดาว – โลก
ระบบดาว – สุริยจักรวาล
กาแลกซี - ทางช้างเผือก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น