open letter no 2

Chicago 2 why Chicago

Chicago 2 ทำไม ผมต้องดัดจริต ฟังวิทยุชิคาโก ด้วย? ๑.    ผมติดนิสัยชอบฟังวิทยุตปท. จากแดนไกลเป็นนิสัยมาแต่มัธยม เพื่อฝึกภาษา ประกอบกับมีผู...

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

คุยเฟื่อง เรื่องแคะ....


ฮัน ซูหยิน นักเขียนดัง เป็นคนแคะ....(ลูกครึ่งเฟลมมิช)

@Ka
การใช้ภาษา พูดถึงคนแคะ ในเมืองจีน เขาใช้ภาษ าชนิดที่ เป็นภาษา "เข้ารหัส" นะ คือ เขาจะไม่พูดตรง ๆ อย่างที่เราพูดนี่ แต่เขาจะพูดอ้อม เป็นนัย

ภาษาเข้ารหัส ภาษาไทยก็มี เช่น เราพูดกับเกด เราเข้ารหัส พูดเป็นนัย คุณมัชฌิมา หรือคุณเสรี จะฟังไม่รู้เรื่อง เรารู้กันเฉพาะสองคน...

มัชฌิมากับเสรี เขาถอดรหัส เราไม่ออก เช่น เขาจะไม่รู้ว่า เราเป็นแฟนกัน - ขอโทษ พูดเล่น

การใช้ภาษาแบบนี้ เพื่อพูดเรื่องยาก ๆ ที่ไม่อยากจะพูด
เป็นศาสตร์ลึกซึ้งอย่างหนึ่ง ในการใช้ภาษาจีน(กลาง)

พูดเกี่ยวกับคนแคะ - เขาชอบใช้ภาษาสไตล์นี้ พูด

คนแคะเองก็ใช้ คือ ใช้เปรย ให้แคะด้วยกัน เข้าใจ แต่คนชาติฮั่น(จีน) จะฟังไม่รู้เรื่อง

ภาษาราชการจีน ยังใช้เลย ยิ่งทางการพวกคอมฯ ยิ่งใช้เยอะ เอาไว้ด่าแคะ

เช่น พวกปัญญาชน คนเซี้ยงไฮ้ พวกแก๊งสี่คน ของยัยเจียงชิง มันใช้ด่า เติ้ง เสี่ยงผิง (คนแคะ) เป็นต้น

เช่น มันบอกว่า "พวกชอบอยู่บนยอดเขา" คล้าย ๆ จ่อซัว หรือจีนกลาง ว่าพวก ฉานตู้ จูยี่ อะไรประมาณนั้น นี่ด่าแคะ ชัด 100% เพราะแคะอยู่บนเขา

ซึ่งเป็นเหตุหนึ่ง ทำให้แคะเมืองไทย ไม่ชอบอยู่อยุธยา อ่างทอง แต่ชอบเชียงใหม่ (เขาให้เหตุผลว่า มันคล้าย - ที่บ้าน ค่ะ!)

คุณธนินทร์ เจียรว..... เคยบอกว่า คนจีนเหนือแม่นัำแยงซี กับใต้ลุ่มน้ำแยงซี ไม่เหมือนกัน แม้แต่หน้าตา ยังไม่เหมือนกันเลย...คนแคะอยู่ใต้แยงซี - นี่มาจากแหล่งอื่น ในพรรคคอมฯ เดี๋ยวนี้ คนใต้ กับ คนแคะ ไม่ใหญ่โตแล้ว คนใหญ่โต เป็นพวก จีนเหนือ

เติ้ง เสี่ยวผิง ลี กวนยู ทักษิณ สุดารัตน์ เป็นแคะ...

พระเจ้าตาก อาจเชื้อสายแต้จิ๋ว แต่คนจากจีนในกรุงศรีอยุธยา เป็นคนฮกเกี้ยน สมัยอยุธยา แคะยังไม่มา บ้าน ร.1 ที่อยุธยา อยู่ติดกับหมู่บ้านคนฮกเกี้ยน

ซุน ยัตเซน ปธน.จีน เป็นแคะ เมียซุน กับเมีย เจียง ไคเช็ค เป็นพี่สาวน้องสาวกัน เป็นแคะ

บทความนี้ เขียนแดก คุณวิกรม ไม่ใช่ชม...
แม้แต่คำว่า แคะ ยังไม่ปรากฏ ในเอกสารทางการเลย นสพ. People's Daily ของ พรรคคอมฯ เพิ่งจะมาพิมพ์ คำว่า "แคะ" ปี 1991 นี่เอง

แต่ เรื่องนี้ ในเมืองจีน "หุบสนิท" เขาไม่พูดกัน

พรรคคอมฯจีน จนถึงรุ่นไม่ไกลนี้ คือ พรรคของคนแคะ

และ อย่างว่า การเดินทางไกล หมื่นลี้ Long March ที่จริง คือ เดินจากหมู่บ้านแคะ หมู่บ้านหนึ่ง ไปยังหมู่บ้านแคะ อีกหมู่บ้านหนึ่ง....นะจ๊ะ

ปี 1931 กองพลหนึ่ง(กองพลแคะ)ในกองทัพจีนก็กมินตั๋ง ของ เจียงไคเช็ค ทรยศทั้งกอง ผละไปเข้ากับคอมมิวนิสต์

หัวหน้ากบถไต้ผิง (1850-64) ที่พยายาม ล้มฮ่องเต้ เป็นแคะ กับพลพรรค ชาวแคะ

คนแคะ ไม่ไหว้เจ้า อย่างคนจีน

คนแคะ ไม่นับถือ ธรรมเนียมจีน หญิงแคะสมัยก่อน ไม่มัดเท้า เหมือนหญิงจีน

ไม่ใช่แคะอย่างเดียว ก็จริงอยู่ แต่แคะคือแกนนำ... แม้แต่ในเมืองจีน คนแคะก็ไม่ได้ จงรักภักดี ต่อแผ่นดินใด...อันนี้เป็นความเห็น ของคนชาติฮั่น(คนจีน)

พ่อแม่นั่นแหละ ยุให้ไปม็อบ 30-50% ของมอ็บเป็นเด็กเชื้อสายชาวแคะ เขามีความเป็นม็อบ อยู่ใน "สายเลือด"

@seree เชื่อไหม ว่า 30-50% ของคนพวกนี้ "เยาวชน ปลดแอก" เป็นคนเชื้อสายคนแคะ? ทักษิณ สุดารัตน์ และวิกรม กรมดิษฐ์ เชื่อนะ...พวกเขาเป็นคนแคะ

วีดีโอ สมาคมแคะแห่งหนึ่ง สร้างแนะนำคนแคะคนสำคัญ ในโลกของชาวแคะ ซึ่งไม่ใช่โลกของชาวเรา ที่เวลาวีดีโอประมาณ 4:52 กับเวลาประมาณ 5:00 ท่านจะได้พบกับแคะที่ท่านรู้จัก 2 คน.....เสียดาย ถ้าตายแล้ว ยังไม่ได้ดู....นะจ๊ะ

Chicago 4 Eulogy at John Lewis funeral

Chicago 4 Barack Obama eulogy at John Lewis funeral

คำไว้อาลัย ในงานศพ นายจอห์น ลิววิส ผู้แทนราษฎรจาก รัฐจอร์เจีย

นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ชาวคนผิวสี กรกฎาคม ๓๐, ๒๐๒๐ (พ.ศ. ๒๕๖๓)

---------------------------------------------------------------------------



ผมได้เรียนรู้สามเรื่อง จากคำไว้อาลัยจอห์น ลิววิส ของท่านประธานาธิบดี

๑.   เรียนภาษาอังกฤษ จากท่าน

๒.   เรียนพุทธศาสนา จากท่าน

๓.   เรียนเรื่องประชาธิปไตย จากท่านครับ

 

1. เรียนภาษาอังกฤษ จากท่าน:

        ท่านพูดตลก บอกว่า John was born into modest means – that means he was poor คนฟังหัวเราะเลย

        มีสำนวนเก๋ ๆ ที่ผมชอบ และต่อไปอาจลอกเลียนใช้บ้าง เช่น Explicit in those words is the idea that we are imperfect;

        มีคำสอนที่น่าฟัง คือ Once you learn something, once you get something inside your head, no one can take it away from you.

        วลีเท่ ๆ เช่น their sense of purpose, got a taste of victory,

        ใช้ภาษาที่โน้มน้าว say no this isn’t right, this isn’t true, this isn’t just

        หรือนี่ก็คม to keep getting into that good trouble

        และนี่ น่าคิด You only pass this way once. You have to give it all you have.

 

2. เรียนเรื่องประชาธิปไตย จากท่านครับ:

        เช่น nonviolent resistance and civil disobedience were the means to change laws

        หรือ segregation of interstate bus facilities was unconstitutional

        หรือ a system that denied the basic humanity of their fellow citizens

        หรือ The Voting Rights Act is one of the crowning achievements of our democracy นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินได้ฟังเรื่องนี้ – ขอบพระคุณ ท่านประธานาธิบดี

        หรือ the very attacks on democracy…………….that we are seeing circulate right now

        และ and that the fate of this democracy depends on how we use it; that democracy isn’t automatic, it has to be nurtured, it has to be tended to, we have to work at it, it’s hard.

        If we want our children to grow up in a democracy – not just with elections, but a true democracy, a representative democracy,

        และนี่ก็คมคายนะครับ so that all voters have the power to choose their politicians, not the other way around หมายความตรง ๆ ว่า ประชาชนเลือก ทักษิณ หรือ ปิยบุตร ไม่ใช่ ปิยบุตร หรือ ทักษิณ เลือกประชาชน

        คำเตือนที่เจ็บ their vote won’t make a difference, or they buy into the cynicism that,

 

3. เรียนพุทธศาสนา จากท่าน:

        บางคนลืมแล้ว ว่าท่านเคยมาเที่ยววัดโพธิ์ที่กรุงเทพฯ

ท่านเคยเดินเงียบ ๆ ชมหลวงพ่อโตในวิหาร ในวัดโพธิ์ และท่านเป็นประธานาธิบดีอเมริกันคนแรก ที่เปิดทำเนียบต้อนรับ พราหมณ์จากอินเดีย

        เพราะฉะนั้น ผมเข้าใจประโยคนี้ของท่าน the thing about John was just how gentle and humble he was ผมเข้าใจในแนวพุทธ

        he treated everyone with kindness and respect because it was innate to him นี่ผมก็เข้าใจในแนวพุทธ

        แล้วผมก็เข้าใจและเห็นใจ ที่ท่านวิพากษ์วิจารณ์สังคมอเมริกัน ว่า We start feeling as if, in fact, that we can’t afford to extend kindness or decency to other people.

        That as long as we have our breath in our bodies, we have to continue his cause. สำหรับผม โห เนี่ยะสุดยอด อาณาปาฯ เลยแหละ

 

        ผมอยากยกย่อง ชมเชย คำอาลัยของท่านมากกว่านี้ แต่ไม่กล้าทำ ไม่กล้าเขียนมาก เพราะกลัวจะเฝือ ผมไม่มีฝีมือพอที่จะเขียน สามประเด็นที่เขียนไปนั้น ไม่ได้เสแสร้งแกล้งดัดจริตประดิดประดอย มันเดินเรียงกันออกมาจากใจ

 

        ทำไม อ่ะ? เวลาผมนึกถึงนักสู้ “เพื่อสิทธิมนุษย์ชน” ประเภท นายจรัลก็ดี นายสมศักดิ์ก็ดี ที่ลี้ภัยการเมืองอยู่ในประเทศฝรั่งเศสเวลานี้

หรือนายนายสตีเว่น เบรนท์วู้ด หรือ aka นายเอกภพ หรือ aka ตั้ง อาชีวะ (แดงฮาร์ดคอร์) ผู้ต้องหาคดีหมิ่นฯพระเจ้าอยู่หัว ลี้ภัยที่ประเทศนิวซีแลนด์

..........เหล่านี้ ทำไมอ่ะครับ ผมอยากจะเอาตีนไปเหยียบหน้า แม่งมันทุกคนเลยอ่ะ ทำไมครับ?

 

แต่ ทำไมกับ จอห์น ลิววิส ผมแทบจะกราบ?  ต่างก็ต่อสู้ เพื่อสิทธิมนุษย์ชน  ด้วยกันทั้งนั้น มิใช่หรือ?  เอ้ะหรือว่า ไม่ใช่??

 

        ถ้ากระนั้น นายจรัล https://pricha123.blogspot.com/2017/02/open-letter-no2-french-ambassador-to.html  (กด Ctrl แล้ว คลิก)

            -      ผม ปรีชา อ่าน คำประกาศสิทธิมนุษยชนฯ ในการปฏิวัติฝรั่งเศส ในต้นฉบับภาษาฝรั่งเศส กลับไปกลับแล้วอย่างน้อย ๓ รอบ -เห็นด้วยหมด ผมรู้ด้วย คนเขียนอารัมภบท ท่านเค้าต์มิราโบ ท่านเป็นโรคหนองใน ตาย

 

        นายสมศักดิ์ https://pricha123.blogspot.com/2015/10/an-open-letter-to-french-ambassador-to.html?zx=a5505dd556f39c48  (กด Ctrl แล้ว คลิก)

         -       In any language, not only in French, if somebody makes 330 times of mistakes in four pages, or within fifteen minutes of his (free) speech as did Mr.Deputy-Professor Somsak Jiamthiraskul, one would wonder how that kind of error might be called…..in French, please.


    C’est la faute de taille GMP - Grosse Mercredi Pareille.

    Veillez agréer, Monsieur l’Ambassadeur, mes sentiments les meilleurs.


    นายเอกภพ (นายสตีเวน เบรนท์วู้ด) ที่ระบุว่า หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาลี้ภัยอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อปี 2557  เขาต่อสู้เพื่ออะไรครับ?  ท่านทูตนิวซีแลด์ทราบไหมครับ?

 

 

สำเนาเรียน:

Mr.Pichai Sundararajan,

the chief executive officer (CEO)

of Alphabet Inc. and Google LLC.

นายพิชัย ศุนทรราชัน  ประธานบริหาร บริษัท กูเกิล และอัลฟาเบต อิงก์

Protest: Sir, why did you allow some ignorant people to close the door to my freedom fighting blog?


The Ambassador of the United States of America เอกอัครราชทูต สหรัฐอเมริกา

The Ambassador of the French Republic                                                                                                                                เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐฝรั่งเศสW

The Ambassador of New Zealand                                                                                                                                       เอกอัครราชทูต นิวซีแลนด์

 

 


วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

Chicago 3 ความเครียดของชีวิต ชิคาโก

Chicago 3. 

ความเครียดของชีวิต ชิคาโก

 

ประธานาธิบดีเคนเนดีถูกยิงตาย พ.ศ. ๒๕๐๖ ระหว่างนั่งอยู่ในรถประจำตำแหน่ง ในขบวนรถผู้นำประเทศที่มีอำนาจที่สุดในโลก เพียงแต่ว่าเป็นรถเปิดประทุน

เวลานั้น ผมยังเรียนชั้นมัธยมอยู่ที่ รร.เทพศิรินทร์ กทม. อีกห้าปีต่อมา พ.ศ. ๒๕๑๑ ระหว่างเรียนธรรมศาสตร์ ผู้นำในการต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองและสิทธิมนุษยชนโดยสันติ ยึดถือแนวอหิงสา ตามแบบมหาตมะ คานธี คือสาธุคุณ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ก็ถูกยิงตาย

ท่านผู้นี้เคยเดินมาอินเดีย แม้ไม่เคยได้พบมหาตมะ แต่ก็เคารพนิยมรักในวิธีการต่อสู้อย่างอหิงสาของท่านมหาตมะ เรื่องของมหาตมะ คานธี เรียนรู้จากหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ ในชั้นมัธยมปลาย รร.เทพศิรินทร์

สองเหตุการณ์นั้น ทำให้ผมตระหนักว่า อเมริกาเป็นประเทศที่นิยมใช้ความรุนแรงเข้าแก้ปัญหาการเมืองและสังคม  และผมก็เคยได้ยินเรื่องโจร อัลกาโปน ในชิคาโก เมืองที่เต็มไปด้วยแก๊งนักเลงอันธพาล (ตามความเข้าใจของผม เวลานั้น)

จบปริญญาตรีแล้ว ผมสอบได้ทุนไปศึกษาต่อปริญญาโทในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากผลการเรียนของผมค่อนข้างโอเค คือสอบไล่จบชั้นปีที่สี่ ได้ลำดับที่หนึ่งในแผนกที่เรียน ที่คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ดังนั้น การสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในสหรัฐ จึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่ไม่เครียดสำหรับผม ต่อมา เจ้าหน้าที่ทางการแจ้งว่า มหาวิทยาลัยชิคาโก รับผมเป็นนักศึกษา

ดีใจก็ดีใจ กลัวก็กลัว ตายห่า...อุทานกับตัวเอง ถ้ากูไม่ตายงวดนี้ จะตายมื้อไหนวะเนี่ยะ? กลางปี ๒๕๑๔ ผมออกเดินทางไปชิคาโก ผมเอาตั๋วเครื่องบินที่เขาให้มา ไปแตกซอยย่อย แวะกลางทางเปลี่ยนและต่อเครื่องบิน แม่งไปเรื่อย ๆ ให้ไปถึงชิคาโกช้าที่สุด โดยผมแวะพักฮ่องกง แล้วแวะพักโตเกียว แล้วแวะพักฮอนโนลูลู ฮาวาย แล้วถึงบินเข้า ซาน ฟรานซิสโก แล้วจากนั้น ค่อยบินข้ามทวีปอเมริกาเหนือ.....

ทอนเรื่องยาวให้สั้นเข้า เอาเป็นว่า ผมไปถึงชิคาโกแล้วกัน เข้าพักที่หอพักอินเตอร์แนชั่นแนล เฮาส์ เนื่องจากผมมีประสบการณ์การใช้ภาษาอังกฤษ มาจากในประเทศไทย เพราะฉะนั้น อยู่หอพักเทอมเดียวก็เบื่อชีวิตชาวหอ จึงดูประกาศในนสพ.มหาวิทยาลัย หาห้องเช่าอยู่นอกหอดีกว่า จะได้รู้จักชาวอเมริกัน ดีขึ้น

แล้วผมก็ได้พักในอะพาร์ตเมน ของนายโจ นักศึกษารุ่นพี่กว่าผมสิบปี กำลังทำปริญญาเอกสาขาวรรณคดี อะพาร์ตเมนนั้นมีสามห้องนอน ก็มีนายเดวิดอยู่ห้องหนึ่ง เขาทำปริญญาเอกเรื่องเกี่ยวกับ วอลท์ วิทแมน กวีชาวอเมริกัน นายโจทำวิทยานิพนธ์ เกี่ยวกับยุโรปศตวรรษที่สิบแปด นายโจรับผิดชอบอะพาร์ทเมนต่อเจ้าของตัวจริง เราจ่ายค่าเช่าห้องผ่านนายโจ เราตกลงกันว่า มื้อเย็นเราจะทำอาหารร่วมกันรับประทาน วันละหนึ่งมื้อ

ฟังดูน่าสนุกนะครับ อ้อ นายโจเป็นคนยิว นายเดวิดนับถือศาสนาคาธอลิค ส่วนผมนับถือพุทธ สองคนนั้นเขาอายุมากกว่าผม เขามีแฟนแล้ว แต่แฟนอยู่ต่างรัฐกัน ส่วนผมยังโสดครับโสด - แต่ก็ไม่เชิง ผมมีเพื่อนสตรีอยู่ในรัฐชายทะเล ฝั่งตะวันออกของสหรัฐ คบกันมาจากเมืองไทย่

เมืองชิคาโกสอนให้ผม รู้จักระแวดระวังในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ละวัน ทุก ๆ วัน เวลาเดินถนนแม้ในแคมปัส ก็ต้องพยายามมีสติรู้ตัวว่า ใครเดินข้างหน้าเรา ใครเดินตามหลังเรามา และใครเดินข้างซ้ายข้างขวา อะพาร์ตเม้นอยู่ไม่ไกลจากห้องสมุดกลาง – ห้องสมุด รีเจน สไตน์

ห้องสมุดปิดดึก เวลาใกล้สอบและระหว่างเทศกาลสอบ จะเปิด ๒๔ ชั่วโมง และจะมีรถตู้ ทำหน้าที่มินิบัส คอยรับส่งน.ศ. จากห้องสมุดกลางและห้องสมุดอื่น ๆ ไปส่งตามหอพักต่าง ๆ

ผมไม่ได้ใช้บริการฟรีดังกล่าวนั้น เพราะที่พักอยู่ไม่ไกลจากห้องสมุด เดินเอาสะดวกดีแล้วครับ 

แต่ครั้งหนึ่ง ราวสองทุ่มเศษในฤดูหนาว ผมเดินจากห้องสมุดกลับอะพาร์ตเม้นที่พัก หน้าหนาวทางซีกโลกเหนือนั้น บ่ายสี่หรือห้าโมงเย็นก็ค่ำแล้ว บนทางเท้าข้างถนนกลับบ้าน  มีคนกำลังเดินสวนมากลุ่มหนึ่ง มืด ๆ อยางนั้นมองหน้าไม่เห็นกันหรอกครับ แถมแต่ละคนก็สวมเสื้อกันหนาวชนิดมีฮูดหรือผ้าคลุมหัว สติผมเริ่มทำงาน เตือนตัวเองว่ามีกลุ่มคน ท่าทางเป็นพวกวัยรุ่นชาวสลัมชิคาโกด้านใต้ ดูลักษณะการเดินและแว่วสำเนียงพูดคุย กำลังเดินสวนทางใกล้เข้ามา.....

พอใกล้เกือบประชิดตัว คนหนึ่งที่เดินมาใกล้ตัวผมที่สุด พลันก็สวนกำปั้น ต่อยท้องผม ตาผมไวพอ เพราะมีสติ เห็นการเคลื่อนไหวของกำปั้นและท่อนแขน ผมก็แขม่วท้องและกระตุกถอยหนี เป็นมวยครับเป็นมวย...ไม่ได้รับความเจ็บปวดอะไร

และผม ก็ไม่โวยวาย ไม่ด่าทอ หรือแสดงอาการต่อสู้ หรืออาฆาตมาดร้าย ยังคงประพฤติตัวปกติ เดินกลับบ้าน แบบว่า เย็นครับเย็น cool….เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่พอได้มาคิดทบทวนภายหลัง ยังเสียวใส้ไม่หายจนบัดนี้ ถ้าแทนที่จะเป็นกำปั้น แต่เป็นมีดสั้น ล่ะ?

 


วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

คนแคะ

บทความ เกี่ยวกับ คนแคะ

https://pricha123.blogspot.com/2014/01/blog-post_9.html


บทความภาษาไทย ที่เกี่่ยวกับคนแคะ ที่ดีกว่าบทความที่ผมเขียน ยังไม่มีครับ ขออนุญาตท่านผู้อ่าน ยกหางตัวเอง เป็นหมาสักวัน....

ประเทศไทย กำลัง สร้างปัญหา ๑๐๐ ปี

"ประเทศไทยสร้างปัญหา 100 ปี"---เมื่อคนญี่ปุ่นเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองไทยเวลานี้
.............
タイは100年の禍根を残した。
ประเทศไทยสร้างปัญหา 100 ปี

今回のこのレッドブル御曹司の無罪放免、タイの歴史に百年の禍根を残したと言っていい。
ทายาทกระทิงแดงรอดทุกข้อหา
นั่นหมายถึงประเทศไทยสร้างปัญหา 100 ปี

日本も司法が機能しなかった例はある。
ความยุติธรรมไม่เป็นผล
ที่ญี่ปุ่นก็เคยมีกรณีแบบนี้เช่นกัน

ダッカ日航機ハイジャック事件のテロリストによるものがそれで、日本人は皆知識があると思うので詳しい説明は省くが、それにしても当時の日本の首相・福田が
เที่ยวบิน Japan Airlines 472 ถูกจี้โดยกอลทัพแดงของญี่ปุ่น (JRA) เมื่อวันที่ 28 กันยายน 1977

เรื่องนี้ คุณฟุคุดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในขณะนั้นกล่าวว่า
「・・・人1人の命は地球よりも重い。」
“ชีวิตคนมีความสำคัญมากกว่าอะไรบนโลกนี้”

としてテロリストの要求に屈することはあった。
เขายอมรับความต้องการของผู้ก่อการร้าย

当然法律では認められないものである。
แน่นอนว่าเรื่องนี้อยู่เหนือขอบเขตของความยุติธรรม

しかし今回のこのタイのケースは特権階級の一族によるまったくの私利私欲であり、世界ではこのような例はほとんどない。
แต่เรื่องของทายาทกระทิงแดง เป็นเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตัวของครอบครัวคนมีเงิน
และแทบจะหากรณีแบบนี้ไม่ได้เลยในต่างประเทศ

世界はタイを信用しなくなるだろう。
ต่างประเทศอาจไม่เชื่อถือประเทศไทย

想像してみて欲しい。
ลองคิดดูนะครับ

もしあなたの愛する人が日本で働いていて、彼が同じようなケースで死んだとする。
ถ้าคนที่คุณรักเสียชีวิตที่ญี่ปุ่นด้วยสาเหตุเดียวกัน คืออุบัติเหตุรถชน
あきらかに犯人は収監され罰を受けるはずであるのに、相手が特権階級で海外を飛び回りいっこうに逮捕されず、最後には無罪になる。
ผู้กระทำผิดควรจะถูกจับดำเนินคดี แต่ผู้กระทำผิดกลับเดินทางไปทั่วโลกและสุดท้ายก็ไม่ถูกฟ้อง

あなたはこんな国で働きたいだろうか?こんな国にお金を費やして発展を願うだろうか?
คุณอยากทำงานในประเทศแบบนั้นไหมครับ?
คุณอยากลงทุนในประเทศแบบนั้นไหมครับ?

今回のこの判例はタイの国内問題だけでなく国際問題としてタイの信用を落とす前例となってしまうだろう。
ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เป็นปัญหาในประเทศไทย
เรื่องนี้ทำให้ประเทศไทยเสียเครดิตกับต่างประเทศไปอีกเป็น 100 ปี

タイを滅ぼすのは外国ではなく、コロナでもない。
結局はタイ人自身である。
สิ่งที่ทำลายประเทศไทยไม่ใช่ต่างประเทศ ไม่ใช่ไวรัสโคโรน่า สิ่งที่ทำลายประเทศไทยคือคนไทยบางคนเอง

一般タイ国民が憐れだとしかいいようがない。
ผมบอกได้แค่ว่าคนไทยธรรมดาทั่วไปน่าสงสารมากครับ

Gritsana Chayakul
ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
แชร์

ความคิดเห็น