open letter no 2

Chicago 2 why Chicago

Chicago 2 ทำไม ผมต้องดัดจริต ฟังวิทยุชิคาโก ด้วย? ๑.    ผมติดนิสัยชอบฟังวิทยุตปท. จากแดนไกลเป็นนิสัยมาแต่มัธยม เพื่อฝึกภาษา ประกอบกับมีผู...

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2562

VillageLife: นึกอิจฉา พี่ไข่จัสติน

ภาพข่าวข้างล่าง ซึ่งมีเครื่องหมาย ซีเอ็นเอ็น ประทับอยู่ด้านล่างขวา เล่าเรื่องคุณพี่ไข่จัสติน ที่แกโชคดีมหาศาล ถูกหวยแจ็คพ็อท (หมายเหตุ – การเรียกขานผู้อาวุโสเพศชาย ว่า “พี่ไข่นั่น พี่ไข่นี่ พี่ไข่โน่น” เป็นการเรียกอย่างยกย่องในคำใต้)




พี่ไข่แกรวยหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำให้ผู้เขียนรู้สึกอิจฉา เพราะตัวเองก็เพ้อฝันอยากถูกหวยรวยเบอร์กับเขาอยู่เหมือนกัน

ข่าวระบุว่า พี่ไข่มาจากครอบครัวยากจน ซึ่งก็เหมือนกับผู้เขียนอีก เพราะผู้เขียนก็มาจากครอบครัวยากจน ชีวิตของพี่ไข่นั้นในข่าวใช้คำว่า abject poverty ซึ่งเปิดพจนานุกรมแล้วแปลทำนองว่า ยากจนข้นแค้น

เพิ่งจะเคยพบเหมือนกันนะ คำว่า abject poverty  และตลอดชีวิตที่ผ่านมา พี่ไข่แกก็อดมื้อกินมื้อมาตลอด ซึ่งระยะหลังมีอยู่พักหนึ่งผมก็เคยอด อดมื้อกินมื้อ คล้ายกับพี่ไข่ เพราะตอนนั้นกำลังลดความอ้วน และสามารถลดน้ำหนักลงได้เกือบยี่สิบกิโลกรัม – คิดดู ถ้าไม่อดมื้อกินมื้อจะทำได้หรือ

พี่ไข่ทำงานเป็นคนจัดหิ้งอยู่กับห้างวอลมาร์ท หรืองาน stacking shelves at Walmart (วอลมาร์ทนี่ เขียน แอล ตัวเดียวนะ – อย่าลืม เพราะบางคนชอบเขียน แอล สองตัวเรื่อยเลย)

ผมก็เคยทำงานห้าง โดยทำกับห้างซีพี แต่ไม่ได้จัดหิ้งอยู่กับเขา เขาให้เป็นผจก.ฝ่ายการเงิน ในบริษัทเครือข่ายของเขา ในต่างประเทศ  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่างานผม จะดีไปกว่างานของพี่ไข่จัสติน

อยู่มาวันหนึ่ง ความฝันของพี่ไข่ก็กลายเป็นจริง เพราะแกถูกหวยรางวัลแจ็คพ็อต  แต่ว่าในส่วนความฝันเรื่องนี้ของผมนั้น ยังไม่กลายเป็นความจริงอย่างของพี่ไข่เลย พับผ่า!

เนื้อข่าวเขียนว่า.....
If you won the lottery tomorrow, what would you do? Quit your job? Buy a new house? Car? Yacht, even?

แปล – ถ้าคุณถูกล็อตเตอรีรางวัลใหญ่พรุ่งนี้ คุณจะทำอะไร? ลาออกจากงาน? ซื้อบ้านใหม่? รถยนต์คันใหม่ หรือซื้อเรือยอชท์?

ผู้เขียนจะไม่บอกท่านผู้อ่านหรอกว่า ถ้าถูกรางวัลใหญ่พรุ่งนี้ ตัวเองจะทำอะไร? แต่คิดอยู่ในใจเงียบ ๆ ไม่บอกใคร จะใช้นโยบาย หุบสนิท ครับ  แต่ได้คิดแผน กะการ ไว้หมดแล้ว เหลือแต่ว่าจะลงมือปฏิบัติเท่านั้น ขอเพียงให้ถูกหวยเถิด.....

สำหรับพี่ไข่จัสติน ตามข่าวเล่าว่า พี่แกเคยบ้าละครโทรทัศน์เรื่องหนึ่ง ซึ่งพระเอกเป็นนักสืบ ตามล่าผู้ร้ายตัวฉกาจ ที่ชอบใช้สีทองป้ายที่ลูกอัณฑะของเหยื่อ.....

พอพี่ไข่แกถูกหวยรางวัลใหญ่ พี่แกก็เลยหุ้มไข่(ลูกอัณฑะ)ของตัวเองด้วยทองคำแท้
โปรดชมลูกอัณฑะหุ้มทองคำในภาพ ด้านล่าง ขวามือ อยู่ติดกับเครื่องหมายซีเอ็นเอ็น ปรากฏว่าไม่นานต่อมา พี่แกก็โดนพิษตะกั่วกับปรอทที่มีอยู่ในทองคำเล่นงาน งอมพระราม ต้องเข้าโรงพยาบาล และตามข่าวบ่งว่าพี่ไข่จัสตินไปตายที่ โรงพยาบาล เอ็มมอรี ยูนิเวอร์ซิตี้ ฮอสปิตัล

ความเห็นของคุณหมอ ปรากฏในเนื้อข่าว บอกว่า “ร่างกายมนุษย์ไม่ถูกกับการหุ้มทองคำ คุณจะมีเงินมากเท่าไรไม่สำคัญ เงินซื้อสามัญสำนึกไม่ได้ และซื้อความตายก็ไม่ได้”

ถ้าผู้เขียนถูกแจ็คพ็อทในเวลานี้ ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจหุ้มลูกอัณฑะของตนเองด้วยทองคำ อย่างพี่ไข่จัสติน เพราะตั้งใจว่าจะรอ“ท่าน” สุดารัตน์ เกรุยาพันธ์ สตรีสาวผู้มีผมยาวดำขลับเป็นเงามันงาม สลวยสวยน่ารัก รวบไว้ให้เลื้อยลงถึงกึ่งกลางแผ่นหลัง นี่ถ้าได้สยายออกเต็มที่ เธอจะงามสุดพรรณนา ไม่น่าจะแพ้นางงามในวรรณคดีเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ของหมู่เหล่าชนชาวแคะนั้ง อย่างแน่นอน ตัดผมยาวทิ้งเมื่อไร ผมเลิกรักเมื่อนั้น

ผู้เขียนปรารถนาจะเห็นเธอ ได้จัดตั้งรัฐบาลให้เรียบร้อยเสียก่อน

ก่อน - ที่จะตัดสินใจ.....ทำอะไรลงไปกับลูกอัณฑะของตัวเอง




แดง ใบเล่
นาพญา
หลังสวน
ชุมพร


วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2562

VillageLife: ชีวิตที่มีความหมาย – ความหมายของชีวิต

แบบฝึกหัดทดสอบ ว่าชีวิตเราในบัดนี้ มีความหมายหรือไม่

พิจารณาต้นแบบดังภาพ

                    When we take action – เมื่อเรากำลังทำกิจกรรมใด
                    And have a purpose – และเรามีวัตถุประสงค์เป้าหมาย
                    That is of sufficient importance – (วัตถุประสงค์เป้าหมายนั้น) สำคัญพอ

เพราะฉะนั้น ในขณะเวลานั้น ชีวิตเราจะมีความหมาย ด้วยเหตุที่กิจกรรมที่กำลังทำ มอบความหมายให้แก่ชีวิต




พิจารณาตามภาพ
                    When we take action – เมื่อเรากำลังทำกิจกรรมใด
ในภาพคือ การเดินออกกำลังกาย

                    And have a purpose – และเรามีวัตถุประสงค์เป้าหมาย
ในภาพคือ เพื่อสุขภาพที่ดี

                    That is of sufficient importance – (วัตถุประสงค์เป้าหมายนั้น) สำคัญพอ
ในภาพคือ สุขภาพที่ดี สำคัญพอ สำหรับชีวิต
เพราะฉะนั้น ในขณะเวลานั้น ชีวิตเราจะมีความหมาย ด้วยเหตุที่กิจกรรมที่กำลังทำ มอบความหมายให้แก่ชีวิต

เพราะฉะนั้น ในขณะเวลานั้นดังภาพ ชีวิตเราจะ มี ความหมาย ด้วยเหตุที่การเดินออกกำลังกาย มอบความหมายให้แก่ชีวิต


ทดสอบหลักการ – ลองเปลี่ยนกิจกรรม ตัวอย่างที่ 1

                    When we take action – เมื่อเรากำลังทำกิจกรรมใด
ในภาพ เปลี่ยนเป็น การเดินออกไปหาน้ำต้มใบกระท่อมกับเคมียาเสพติด

                    And have a purpose – และเรามีวัตถุประสงค์เป้าหมาย
ในภาพ เปลี่ยนเป็น เพื่อความชื่นมื่นชั่วคราว

                    That is of sufficient importance – (วัตถุประสงค์เป้าหมายนั้น) สำคัญพอ
ในภาพ เปลี่ยนเป็น ความชื่นมื่นชั่วคราว ไม่สำคัญพอ สำหรับชีวิต

เพราะฉะนั้น ในขณะเวลานั้น ชีวิตเราจะมีความหมาย ด้วยเหตุที่กิจกรรมที่กำลังทำ มอบความหมายให้แก่ชีวิต

--เพราะฉะนั้น ในขณะเวลานั้นดังภาพ ชีวิตเราจะ ไม่มี ความหมาย ด้วยเหตุที่การเดินออกไปหาน้ำต้มใบกระท่อมกับเคมียาเสพติด ไม่ได้มอบความหมายให้แก่ชีวิต


ทดสอบหลักการ – ลองเปลี่ยนกิจกรรม ตัวอย่างที่ 2

                    When we take action – เมื่อเรากำลังทำกิจกรรมใด
ในภาพ เปลี่ยนเป็น การออกมาพูดให้เด็กธรรมศาสตร์ที่พ่อแม่ร่ำรวย บริจาคเงินที่พ่อแม่ให้ แบ่งปันช่วยเด็กธรรมศาสตร์ด้วยกันที่ยากจน

                    And have a purpose – และเรามีวัตถุประสงค์เป้าหมาย
ในภาพ เปลี่ยนเป็น เพื่อความดังว่าฉันพบตลาดเงินบริจาคตลาดใหม่ อยู่ใต้จมูกทุก ๆ คน ดูซิดู ไม่มีใครคิดออก

                    That is of sufficient importance – (วัตถุประสงค์เป้าหมายนั้น) สำคัญพอ
ในภาพ เปลี่ยนเป็น ความดังว่าฉันพบตลาดเงินบริจาคตลาดใหม่ อยู่ใต้จมูกทุก ๆ คน ดูซิดู ไม่มีใครคิดออก ไม่ได้สำคัญพอ มันเป็นตลาดเงินบริจาคจิบจ้อย

เพราะฉะนั้น ในขณะเวลานั้น ชีวิตเราจะมีความหมาย ด้วยเหตุที่กิจกรรมที่กำลังทำ มอบความหมายให้แก่ชีวิต

--เพราะฉะนั้น ในขณะเวลานั้นดังภาพ ชีวิตฉันจะ ไม่มี ความหมาย ด้วยเหตุที่การออกมาพูดให้เด็กธรรมศาสตร์ที่พ่อแม่ร่ำรวย บริจาคเงินที่พ่อแม่ให้ แบ่งปันช่วยเด็กธรรมศาสตร์ด้วยกันที่ยากจน
 ไม่ได้มอบความหมายให้แก่ชีวิตฉัน


ทดสอบหลักการ – ลองเปลี่ยนกิจกรรม ตัวอย่างที่ 3

                    When we take action – เมื่อเรากำลังทำกิจกรรมใด
ในภาพ เปลี่ยนเป็น การเดินออกไปเล่นหมากเก็บกับตกปลาซิวปลาสร้อย

                    And have a purpose – และเรามีวัตถุประสงค์เป้าหมาย
ในภาพ เปลี่ยนเป็น เพื่อความเพลิดเพลินเล็ก ๆ น้อย ๆ ฆ่าเวลาไปวัน ๆ

                    That is of sufficient importance – (วัตถุประสงค์เป้าหมายนั้น) สำคัญพอ
ในภาพ เปลี่ยนเป็น ความเพลิดเพลินเล็ก ๆ น้อย ๆ ฆ่าเวลาไปวัน ๆ ไม่สำคัญพอ สำหรับชีวิต

เพราะฉะนั้น ในขณะเวลานั้น ชีวิตเราจะมีความหมาย ด้วยเหตุที่กิจกรรมที่กำลังทำ มอบความหมายให้แก่ชีวิต

--เพราะฉะนั้น ในขณะเวลานั้นดังภาพ ชีวิตเราจะ ไม่มี ความหมาย ด้วยเหตุที่การเดินออกไปเล่นหมากเก็บกับตกปลาซิวปลาสร้อย ไม่สำคัญพอ ไม่ได้มอบความหมายให้แก่ชีวิต


หมายเหตุสำหรับตัวอย่างที่ 3 - ถ้าการเล่นหมากเก็บ ใช้ที่นาที่สวนเป็นเดิมพัน มันก็อาจจะกลายเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญพอ – sufficient importance หรือไปหาปลาซิวปลาสร้อย เพื่อกะจะเอามา ตกปลากะโห้ กิจกรรมหาปลาซิวปลาสร้อย ก็อาจกลายเป็นกิจกรรมที่สำคัญพอ

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562

VillageLife: ห้ามส่ายตูด ตอน 2 - มนุษย์ มิกกี้ เมาส์

การเสนอตอนที่ 1 ที่ ห้ามส่ายตูด ตอน 1 นั้น มีเจตนาปูพื้นเพื่อเสนอตอนที่ 2 คือตอนนี้ เพราะถ้านำตอน 2 มาเสนอเลย โดยปราศจากการปูพื้น จะเป็นการยากที่จะแสดงความคิดเห็น หรือ “สื่อ” กับท่านันผู้อ่านบลอก ได้ด้วยดี - ผู้เขียนคิดอย่างนั้น

การเต้นรำของนักเต้นที่มีชื่อเสียงมากของอเมริกาเหนือ ยุคอดีต คู่ที่เป็นที่กล่าวถึงกันมากในสมัยนั้น ที่ภาพยนตร์ยังถ่ายทำขาวดำ แต่ว่าในสมัยนี้อินเตอร์เนตกับยูทูบได้ช่วยให้การเต้นรำ “stylish” หรือ “ทรงลีลา” ดังกล่าวยังมีชีวิต ให้เราได้ดูได้ชม ได้พูดถึง อย่างไม่เลอะเทอะ เลอะเลือน สามารถยกตัวอย่างประกอบการเขียนให้เห็นจริงเห็นจังได้ ชัดเจน

แต่แรกเริ่ม หลายปีมาแล้ว ผู้เขียนรับรู้และติดตามเรื่องนี้ ผ่านทางสื่อจารีตอันได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ แล้วก็มิรู้ที่จะแบ่งปันกับมิตรสหายได้อย่างไร กระทั่งเกิดสื่อดิจิทัลซึ่งแพร่หลายด้วยชานชลา(platform)อินเตอร์เนต จึงดีใจมาก

สมัยที่วัฒนธรรมเรื่องคลั่งการสำรวมอินทรีย์ “ห้ามส่ายตูด” ยังบงการการแสดงออกอยู่ในอเมริกาเหนือนั้น คนอเมริกาเหนือเขาเต้นรำ-เต้นระบำ กันอย่างไร?

ก็มีคุณน้าสองคนนี้ คือ คุณน้าเฟรด แอสแตร์ กับคุณน้าจินเจอร์ โรเจอร์  เป็นคู่เต้นรำแบบอย่าง ที่เขาถือกันว่า “ขั้นเทพ” ของเขาแล้ว ขึ้นชื่อว่าทรงลีลาสุด ๆ อีกนัยหนึ่ง “stylish”  เขาโด่งดังในสมัยโน้น ตรงที่พวกเขาทรง “stylishness” (แต่ – ไม่ส่ายตูด อย่างการเต้นของพวกอเมริกาใต้ หรือละตินอเมริกา ซึ่งส่ายตูดได้อย่างเสรี)

เขาเต้นกันอย่างไร ที่ขึ้นชื่อในหมู่พวกเขาว่าทรงคุณค่าเชิงลีลา(stylish) แต่ไม่ส่ายตูด?

ดังได้เรียนเกริ่นไว้ในตอน 1 แล้วว่า พวกเขาเต้น ด้วยเท้า  เป็นการรำเท้าโดยแท้ กล่าวคือพวกเขาใช้ footwork

โปรดชม ตัวอย่าง วีดีโอ


ในวีดีโอ ท่านจะเห็นฝ่ายชาย คุณน้าเฟรด แอสแตร์ กระทืบเท้า ซอยยิก ๆ  ส่อแสดงถึงสไตล์ “ขั้นเทพ” ของพวกเขา  ฝ่ายคุณน้าหญิง จินเจอร์ โรเจอส์ แกก็ไม่ยอมแพ้ แกซอยเท้ากระทืบยิก ๆ ล้อตามคุณน้าเฟรด

แบบว่า “ขั้นเทพ” ทั้งสองคุณน้า (ตูดไม่ส่าย)

อย่างไรก็ดี นักเขียนชาวอังกฤษที่ขึ้นชื่อในวิกิว่าเป็นนักเขียนแห่งศตวรรษที่ 20 (ศตวรรษที่แล้ว) นายเกรแฮม กรีน ได้เม้น ”สรรเสริญ”(ล้อเลียนอย่างขบขัน???) ไว้ว่า การเต้นระบำแสดงลีลาขั้นเทพของคุณน้าทั้งสองนั้น ใกล้เคียงละม้ายแม้นกับการเป็น ตัวการ์ตูนมิกกี้ เมาส์ อย่างมากที่สุดเท่าที่มนุษย์จะทำได้

Human Mickey Mouse…..


“Mr. Astaire is the nearest approach we are ever likely to have to a human Mickey Mouse,” wrote Graham Greene reviewing Fred Astaire in Follow the Fleet in 1936. “He might have been drawn by Mr. Walt Disney, with his quick physical wit, his incredible agility,” Graham continued. “He belongs to a fantasy world almost as free as Mickey’s from the law of Gravity.”



เดฟ นาพญา


วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2562

VillageLife: พี่แกหาว่าผม ไร้สาระ

พี่แกขับรถกะบะรับส่งคนจากหมู่บ้านในละแวกนั้นสองสามหมู่บ้าน เข้าเมืองวันละเที่ยว ตอนเช้า

แรก ๆ ที่ผมใช้บริการพี่เขา ผมก็ถามแกว่า แกจะผ่านมาหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านผม เวลากี่โมง “เติน มา ตีกี้”

ตีกี้ = กี่โมง

“พรื้อ เตินม่าย หนัด เวลา ว่าตีกี้ ตี้ได้ออกมาโถ้” 
ทำไม ไม่นัด เวลาว่าจะมากี่โมงจะได้ออกมารอถูก

“เติน” = ท่าน ต้นตอเป็นภาษามลายู มาจากคำว่า “ตวน” เช่น ตวนกู อับดุล เราะห์มาน ชื่อเรียกนายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซีย (ซึ่งเป็นนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์)

Image result for หลังสวน


ที่จริงคำว่า เติน ไม่ได้แปลว่า ท่าน ตรง ๆ แต่มีความหมายเป็นบุรุษสรรพนามบุรุษที่สอง ที่เรียกในเชิงยกย่องให้เกียรติผู้อาวุโสกว่า จะว่า คุณ หรือท่าน หรือใต้เท้า หรือฯลฯ อะไรก็ไม่เชิงเสียทีเดียว คำว่า เติน เป็นคำที่ใช้ในชีวิตประวันของชาวใต้ คล้าย ๆ ท่านผู้อาวุโส อะไรประมาณนั้น ส่วนที่ตรงข้ามกับ เติน คือ “สู” ใช้เป็นสรรพนามบุรุษที่สองเรียกคนเสมอกันหรืออ่อนอาวุโสกว่า(แม้จะมีเงินมากกว่า)

บางท่านแปลคำว่า “ตวนกู” ว่า “เจ้ากู”  ที่จริง ตวนกู ก็เป็นคำยกย่องให้เกียรติ สรรพนามบุรุษที่สอง ส่วนคำว่า กู ในภาษามลายู กับคำว่า กู ในภาษาไทย เป็นคำพ้องเสียงและพ้องความหมายกัน กู-มลายู ก็คือ กู-ไทย ครือ ๆ กัน แต่ กู-มลายู อาจมีภาษีกว่ากูไทยในเวลานี้เล็กน้อย เพราะเพลงชาติมาเลเซียยังชื่อเพลง “เน กะ รา กู” (บ้านเมืองของกู)

พี่แกได้ยินผมแนะนำเรื่องการนัดหมายเวลารถ ซึ่งที่จริงผมก็เอามาจากมาเลเซีย คือ ในรัฐกลันต้น เวลานั่งรถเมล์ออกจากเมืองโกตาบารู ไปตามหมู่บ้าน เขามีรถเมล์วิ่ง ซึ่งจะมีเวลาบอกชัดเจนว่าถึงหมู่บ้านใดเมื่อไร ที่ป้ายหยุดรถตามหมู่บ้าน ก็จะมีป้ายบอกว่ารถจะมากี่โมง

พี่แกบ่นว่า จะต้องมานัดเวลา กี่โมงกี่ยาม ให้ยุ่งยากทำไม เวียนหัวเปล่า ๆ พอแจ้ง ก็ออกมาเลย

โคดชัดเจน ของง่าย ๆ เสือกทำให้ยาก คนจะรู้เวลากี่โมงกี่ยาม มันต้องพกนาฬิกา หรือมีโทรศัพท์มือถือ ซึ่งพี่แกไม่มีทั้งสองอย่าง

พอแจ้ง ก็ออกมาเลย 

กลับมาอยู่บ้านนานปีเข้า ยิ่งทีผมก็ยิ่งเห็นด้วยกับพี่เขา เกี่ยวกับเวลานัด คือว่า พอแจ้ง ก็ออกมาเลย  และได้นำมาใช้เองบ้าง เช่นไปบ้านญาติกลัวจะคุยเพลิน ก็บอกเขาว่า พอค่ำ ก็จะกลับแล้วนะ  แทนที่จะบอกว่าจะกลับห้าหรือหกโมงเย็น

เวลานาฬิกาหกโมงเจ็ดโมงเช้าเนี่ยะ บางหน้า-บางฤดู ยังไม่สว่างดีเลย เช่นในเดือนอ้ายเดือนยี่เป็นต้น แต่ถ้าเดือนสี่เดือนห้า หกโมงก็จะแจ้งแล้ว ในสวนผมมีงูเห่า ถ้ายังไม่แจ้งแลเห็นทาง ก็ไม่อยากจะเดิน วิธีนัดหมายของพี่แกจึงดีที่สุด จะไปสนใจเวลานาฬิกาทำไม เรามีสิทธิโดนงูกัดตายนะ – ถ้าทำเป็น เถนตรง เดินออกมาตามเข็มนาฬิกา ทั้ง ๆ ที่ยังไม่สว่างดี

อีกเรื่องหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาได้ คือ อย่านัดใครข้ามคืนเป็นอันขาด ข้ามคืนไปแล้วทุกอย่างมันบ่แน่ดอกนาย

ต่อเช้า ตีแปดขออาศัยรถไปด้วยนะ  ต่อเช้า = พรุ่งนี้

ฝ่ายที่ถูกนัดจะบ่นกะปอดกะแปด เช้า ๆ เขาต้องเลี้ยงไก่(ชน)ก่อน แล้วเวลาคนเขาเลี้ยงอาหารไก่ชน จะไปกะเกณฑ์เวลาเอากับเขาไม่ได้ เขาไม่ได้นำอาหารไปให้มันอย่างเดียว ไม่ใช่ฟาร์มซีพี แต่นี่เขาไปนั่งดูไก่แต่ละตัวของเขา เพลินเพลินกับการพิจารณามัน แต่ละตัว

ที่ฟาร์มซีพี ฟังมาว่า เขาใช้หุ่นยนตร์(หรือจะใช้)เดินดูไก่ ว่าตัวไหนตายยัง? หรือว่าอย่างไร ตามที่หุ่นยนตร์ถูกโปรแกรมมาให้ทำหน้าที่นั้น ๆ

เพราะฉะนั้น นัดตีแปด เขามาเก้าครึ่ง อะไรประมาณนั้น หรือนัดข้ามคืนอาจจะลืมมาเพราะดูไก่เพลิน ดีที่สุดก็คือถ้าจะไปเช้าว้นนั้น ให้โทรนัดเช้าวันนั้น มีธุระอะไรให้นัดหมายกันภายในวัน ๆ หนึ่ง อย่าพยายามข้ามวัน

วันก่อนพบญาติคนหนึ่ง มันเล่าว่าไปมอไซด์ล้มมา ซี่โครงหัก จึงถามว่ามึงไม่ไปโรงพยาบาลหลังสวนหรือ เขาบอกว่าไม่ไปหรอก ไปหาน้ำมัน(พราย)มาทา ของเขาดี ทาแล้วค่อยยังชั่วขึ้นเยอะ

ผู้เขียนบอกว่า ไปโรงพยาบาลเขาได้ถ่ายเอ็กซเรย์ จะได้เห็นว่าหักยังไง

มันบอกว่า ไม่ต้องไปถ่ายเอ็กเรย์หรอก นี่ก็รู้อยู่แล้วว่า-มันหัก คลำ ๆ ที่ชายโครงดูก็รู้
หายใจก็ขัด ๆ ทาน้ำมันไปเรื่อย ๆ มันก็ค่อยยังชั่วขึ้นเอง

เขาเล่าว่า วันก่อนงานบุญเขาอยากได้คนเดินเสิร์ฟเฉพาะช่วงเย็น เขาให้ 400 บาท ต้องการสองคน เลยให้ไอ้ไข่กับไอ้นุ้ยไป ดีไหมละ ค่าแรง(ขั้นต่ำ)วันละ 300 บาทเอง

ผู้เขียนแสดงความเห็นว่า ก็ดีซี  เพื่อนร่วมวงสนทนาอีกคนบอกว่า กินฟรีอีกต่างหาก ผู้เขียนต่อให้ว่า “ของกินดี ๆ ทั้งนั้น” มีงานดี ๆ แบบนี้ทีหลังมึงบอกกูมั่งซี  มันเบรกผู้เขียนว่า “เติน ทำไม่ไหวหรอก เดี๋ยวไปถือถาดทำแกงเขาหกระเนระนาด ยุ่งตายเลย”

ผู้เขียนต่อให้ว่า จะโดนปรับ ไม่คุ้ม

ผู้ร่วมวงสนทนาคนเดิม คอมเม้นต์ว่า โธ่ แค่ได้กินก็คุ้มแล้ว


ผู้เขียนเสริมให้ว่า เออใช่ เผลอ ๆ กินแม่งเผื่อวันพรุ่งนี้ด้วยเลย




เดฟ นาพญา

วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2562

VillageLife: Summertime - ข้างขึ้นเดือนสี่แล้ว เข้าหน้าแล้ง

เพลง Summertime ที่ เอ-ย่า ฟิตเจอรัล ร้อง




ถ่ายบทเพลงมาเป็นของตัวเอง ดื้อ ๆ งั้นแหละ ใครจะทำไม

เธอขึ้นต้น ร้องว่า Summertime – หน้าแล้งแล้ว(ที่บ้านเรียก หน้าแล้ง ไม่ได้เรียก หน้าร้อน อย่างคนกรุงเทพฯ) ยามหน้าแล้ง ที่จริงคนอยู่ในเขตชนบท นอกเมืองหลังสวน อากาศไม่ได้ร้อนอบอ้าวแต่อย่างใดเลย ในเมืองล่ะก้อใช่ ตามท้องถนนร้อนอบอ้าว  แต่ในสวนชนบทนอกเมือง จะมี “ลมเพา” พัดข้ามเขาข้ามทุ่งมาจากทะเล ภาษากลางเรียก “ลมตะเภา”

ช่วยให้เนื้อตัวเย็นสบาย บ้านญาติอยู่บนเขาล้าน อำเภอสวี เคยไปเที่ยวบ้านเขาเมื่อหลายปีก่อน ยามหน้าแล้งเหมือนกัน บนเขาล้านลมเพาก็พัดถึง นั่งคุยกันใต้ถุนบ้านที่เป็นเรือนยกสูง ลมพัดมาเย็นสบาย พี่สาวผู้เป็นญาติบอกผู้เขียนว่า “ลมเพา”

เสียงร้องเอื้อนของ เอ-ย่า ฟิตเจอรัล ว่า Summertime ชวนให้คิดถึงลมเพา.....แล้วเธอร้องต่อว่า and the living is easy หมายความว่า ชีวิตสบาย ๆ ซึ่งในหน้าแล้งนี้ ผู้เขียนก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร มีชีวิตอยู่สบาย ๆ ครับ คุณเอ-ย่า ฟิตเจอรัล

เธอพรรณนาต่อไปว่า ปลากระโดดอยู่ในห้วย และฝ้ายในไร่ต้นงาม สูง ซึ่งต้นปาล์มในสวนผู้เขียนก็งามดีเหมือนกันครับ

แต่เธอร้อง ว่า your daddy is rich  ประเด็นนี้ผู้เขียนขอค้านว่า no, my daddy isn’t rich. He is a poor man.

แถมเธอยังบอกว่า and your ma is good looking  สำหรับข้อนี้นั้น - ยอมรับครับ ใคร ๆ ก็บอกผู้เขียนเหมือนที่ เอ-ย่า ฟิตเจอรัล ร้องในเพลง คือบอกเป็นภาษาใต้ว่า your mother is good looking 

เธอกล่อมเด็กว่า อย่าร้องให้ สักวันหนึ่งเถอะ น้องจะตื่นขึ้นมา แล้วคลี่ปีก โผผินบินไปบนฟ้า

เรื่องนี้นั้น ด้วยความสามารถเพียงน้อยนิด แต่ว่าด้วยโชค มหาศาล  ผู้เขียนได้ขยายปีก แล้วโผบินไป บินไป และบินไป บินไปไกลมากเลย ท้องทุ่งไร่ฝ้ายที่ เอ-ย่า ฟิตเจอรัล เอ่ยถึง ก็ได้บินไปแล้ว รวมถึงยังบินไปเก็บแอพเปิลในสวนทางภาคกลางประเทศสหรัฐฯ

แล้วต่อมา ยังบินต่อไป ในฝรั่งเศส ไปอยู่ในบ้านชนบทของเพื่อน ในมณฑลโอเวนญ์ ซึ่งทำนาข้าวสาลี ทำไม้ฟืน และทำไร่ฮาริโก แวร์ คือประมาณว่า ถั่วแขก แล้วต่อมาก็บินไปเรียนหนังสือที่เมืองบอร์โดส์

ต่อมาอีก ก็บินไปทำงานในประเทศเบลเยี่ยม แล้วบินกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ กว่าจะได้บินกลับมาบ้านอย่างจริง ๆ ก็อีกตั้งนานหลายปี.....โคดเหนื่อยเลยครับ คุณเอ-ย่า ฟิตเจอรัล

แต่ไม่ได้บ่นนะ สนุกดี




เดฟ นาพญา
(aka ปรีชา ทิวะหุต)
หมายเหตุ – aka => also known as
เฟสบุค