พี่แกขับรถกะบะรับส่งคนจากหมู่บ้านในละแวกนั้นสองสามหมู่บ้าน
เข้าเมืองวันละเที่ยว ตอนเช้า
แรก ๆ ที่ผมใช้บริการพี่เขา ผมก็ถามแกว่า
แกจะผ่านมาหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านผม เวลากี่โมง “เติน มา ตีกี้”
ตีกี้ = กี่โมง
“พรื้อ เตินม่าย หนัด เวลา ว่าตีกี้
ตี้ได้ออกมาโถ้”
ทำไม ไม่นัด เวลาว่าจะมากี่โมงจะได้ออกมารอถูก
“เติน” = ท่าน ต้นตอเป็นภาษามลายู มาจากคำว่า “ตวน” เช่น ตวนกู
อับดุล เราะห์มาน ชื่อเรียกนายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซีย
(ซึ่งเป็นนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์)
ที่จริงคำว่า เติน ไม่ได้แปลว่า ท่าน ตรง
ๆ แต่มีความหมายเป็นบุรุษสรรพนามบุรุษที่สอง
ที่เรียกในเชิงยกย่องให้เกียรติผู้อาวุโสกว่า จะว่า คุณ หรือท่าน หรือใต้เท้า
หรือฯลฯ อะไรก็ไม่เชิงเสียทีเดียว คำว่า เติน
เป็นคำที่ใช้ในชีวิตประวันของชาวใต้ คล้าย ๆ ท่านผู้อาวุโส อะไรประมาณนั้น ส่วนที่ตรงข้ามกับ
เติน คือ “สู” ใช้เป็นสรรพนามบุรุษที่สองเรียกคนเสมอกันหรืออ่อนอาวุโสกว่า(แม้จะมีเงินมากกว่า)
บางท่านแปลคำว่า “ตวนกู” ว่า “เจ้ากู” ที่จริง ตวนกู ก็เป็นคำยกย่องให้เกียรติ
สรรพนามบุรุษที่สอง ส่วนคำว่า กู ในภาษามลายู กับคำว่า กู ในภาษาไทย
เป็นคำพ้องเสียงและพ้องความหมายกัน กู-มลายู ก็คือ กู-ไทย ครือ ๆ กัน แต่ กู-มลายู
อาจมีภาษีกว่ากูไทยในเวลานี้เล็กน้อย เพราะเพลงชาติมาเลเซียยังชื่อเพลง “เน กะ รา
กู” (บ้านเมืองของกู)
พี่แกได้ยินผมแนะนำเรื่องการนัดหมายเวลารถ
ซึ่งที่จริงผมก็เอามาจากมาเลเซีย คือ ในรัฐกลันต้น เวลานั่งรถเมล์ออกจากเมืองโกตาบารู
ไปตามหมู่บ้าน เขามีรถเมล์วิ่ง ซึ่งจะมีเวลาบอกชัดเจนว่าถึงหมู่บ้านใดเมื่อไร
ที่ป้ายหยุดรถตามหมู่บ้าน ก็จะมีป้ายบอกว่ารถจะมากี่โมง
พี่แกบ่นว่า จะต้องมานัดเวลา กี่โมงกี่ยาม
ให้ยุ่งยากทำไม เวียนหัวเปล่า ๆ พอแจ้ง ก็ออกมาเลย
โคดชัดเจน ของง่าย ๆ เสือกทำให้ยาก คนจะรู้เวลากี่โมงกี่ยาม
มันต้องพกนาฬิกา หรือมีโทรศัพท์มือถือ ซึ่งพี่แกไม่มีทั้งสองอย่าง
พอแจ้ง ก็ออกมาเลย
กลับมาอยู่บ้านนานปีเข้า
ยิ่งทีผมก็ยิ่งเห็นด้วยกับพี่เขา เกี่ยวกับเวลานัด คือว่า พอแจ้ง ก็ออกมาเลย และได้นำมาใช้เองบ้าง เช่นไปบ้านญาติกลัวจะคุยเพลิน
ก็บอกเขาว่า พอค่ำ ก็จะกลับแล้วนะ แทนที่จะบอกว่าจะกลับห้าหรือหกโมงเย็น
เวลานาฬิกาหกโมงเจ็ดโมงเช้าเนี่ยะ บางหน้า-บางฤดู ยังไม่สว่างดีเลย
เช่นในเดือนอ้ายเดือนยี่เป็นต้น แต่ถ้าเดือนสี่เดือนห้า หกโมงก็จะแจ้งแล้ว ในสวนผมมีงูเห่า
ถ้ายังไม่แจ้งแลเห็นทาง ก็ไม่อยากจะเดิน วิธีนัดหมายของพี่แกจึงดีที่สุด
จะไปสนใจเวลานาฬิกาทำไม เรามีสิทธิโดนงูกัดตายนะ – ถ้าทำเป็น เถนตรง
เดินออกมาตามเข็มนาฬิกา ทั้ง ๆ ที่ยังไม่สว่างดี
อีกเรื่องหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาได้ คือ
อย่านัดใครข้ามคืนเป็นอันขาด ข้ามคืนไปแล้วทุกอย่างมันบ่แน่ดอกนาย
ต่อเช้า ตีแปดขออาศัยรถไปด้วยนะ ต่อเช้า
=
พรุ่งนี้
ฝ่ายที่ถูกนัดจะบ่นกะปอดกะแปด เช้า ๆ
เขาต้องเลี้ยงไก่(ชน)ก่อน แล้วเวลาคนเขาเลี้ยงอาหารไก่ชน
จะไปกะเกณฑ์เวลาเอากับเขาไม่ได้ เขาไม่ได้นำอาหารไปให้มันอย่างเดียว
ไม่ใช่ฟาร์มซีพี แต่นี่เขาไปนั่งดูไก่แต่ละตัวของเขา เพลินเพลินกับการพิจารณามัน
แต่ละตัว
ที่ฟาร์มซีพี ฟังมาว่า
เขาใช้หุ่นยนตร์(หรือจะใช้)เดินดูไก่ ว่าตัวไหนตายยัง? หรือว่าอย่างไร
ตามที่หุ่นยนตร์ถูกโปรแกรมมาให้ทำหน้าที่นั้น ๆ
เพราะฉะนั้น นัดตีแปด เขามาเก้าครึ่ง อะไรประมาณนั้น
หรือนัดข้ามคืนอาจจะลืมมาเพราะดูไก่เพลิน ดีที่สุดก็คือถ้าจะไปเช้าว้นนั้น
ให้โทรนัดเช้าวันนั้น มีธุระอะไรให้นัดหมายกันภายในวัน ๆ หนึ่ง อย่าพยายามข้ามวัน
วันก่อนพบญาติคนหนึ่ง มันเล่าว่าไปมอไซด์ล้มมา
ซี่โครงหัก จึงถามว่ามึงไม่ไปโรงพยาบาลหลังสวนหรือ เขาบอกว่าไม่ไปหรอก ไปหาน้ำมัน(พราย)มาทา
ของเขาดี ทาแล้วค่อยยังชั่วขึ้นเยอะ
ผู้เขียนบอกว่า ไปโรงพยาบาลเขาได้ถ่ายเอ็กซเรย์ จะได้เห็นว่าหักยังไง
มันบอกว่า ไม่ต้องไปถ่ายเอ็กเรย์หรอก
นี่ก็รู้อยู่แล้วว่า-มันหัก คลำ ๆ ที่ชายโครงดูก็รู้
หายใจก็ขัด ๆ ทาน้ำมันไปเรื่อย ๆ
มันก็ค่อยยังชั่วขึ้นเอง
เขาเล่าว่า
วันก่อนงานบุญเขาอยากได้คนเดินเสิร์ฟเฉพาะช่วงเย็น เขาให้ 400 บาท ต้องการสองคน
เลยให้ไอ้ไข่กับไอ้นุ้ยไป ดีไหมละ ค่าแรง(ขั้นต่ำ)วันละ 300 บาทเอง
ผู้เขียนแสดงความเห็นว่า ก็ดีซี เพื่อนร่วมวงสนทนาอีกคนบอกว่า กินฟรีอีกต่างหาก
ผู้เขียนต่อให้ว่า “ของกินดี ๆ ทั้งนั้น” มีงานดี ๆ
แบบนี้ทีหลังมึงบอกกูมั่งซี
มันเบรกผู้เขียนว่า “เติน ทำไม่ไหวหรอก
เดี๋ยวไปถือถาดทำแกงเขาหกระเนระนาด ยุ่งตายเลย”
ผู้เขียนต่อให้ว่า จะโดนปรับ ไม่คุ้ม
ผู้ร่วมวงสนทนาคนเดิม คอมเม้นต์ว่า โธ่ แค่ได้กินก็คุ้มแล้ว
ผู้เขียนเสริมให้ว่า เออใช่ เผลอ ๆ
กินแม่งเผื่อวันพรุ่งนี้ด้วยเลย
เดฟ นาพญา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น