open letter no 2

Chicago 2 why Chicago

Chicago 2 ทำไม ผมต้องดัดจริต ฟังวิทยุชิคาโก ด้วย? ๑.    ผมติดนิสัยชอบฟังวิทยุตปท. จากแดนไกลเป็นนิสัยมาแต่มัธยม เพื่อฝึกภาษา ประกอบกับมีผู...

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2562

VillageLIfe บ้านงานบุญ ตอน 2 ญาติผู้ใหญ่ พูดเพ้อ

ข้อเขียนตอนนี้ ไม่ได้เขียนนินทาญาติผู้ใหญ่

แต่มีญาติอาวุโสคนหนึ่งเดินทางไปบ้านงานบุญ พร้อมกับผู้เขียนด้วย แกชื่อ น้าหลวงรื่น  คำว่า “หลวง” ไม่ใช่บรรดาศักดิ์ แต่เป็นคำใต้สามัญ ใช้เรียกคนที่เคยบวชเรียนมาแล้ว ว่าหลวงนั่น หลวงนี่ เป็นต้น

น้าหลวงรื่นกับผู้เขียนถูกอัธยาศัยกันดี แกคุ้นเคยกับบิดามารดรผู้เขียนซึ่งวายชนม์ไปนานแล้ว แกมีเกร็ดชีวิตที่เกี่ยวกับบรรพชนเล่าให้ฟัง  น้าหลวงรื่นแกเห็นผู้เขียนตั้งแต่ยังแบเบาะ และทำ
ใจไม่ได้ที่ผู้เขียนจำเริญวัยมาถึงเวลานี้  แกชอบบ่นว่า – นี่มึงตั้งขนาดนี้แล้วหรือ  ซึ่งผู้เขียนก็บอกให้แกทำใจ ว่าคนเรามันห้ามกันไม่ได้ดอก เกิดมาแล้วมันก็ต้องเติบใหญ่เป็นธรรมดา จะให้แบเบาะถาวรอยู่ได้งัย – บ้าเปล่า

น้าหลวงแกอายุค่อนไปทางเก้าสิบแล้ว แต่ยังสุขภาพค่อนข้างดี และยังคงสูบบุหรี่ใบจากเป็นประจำ แกเป็นปัญญาชนพื้นบ้าน แกบอกว่าคนอายุร้อยปียังสูบใบจากอยู่เลย  แต่ถ้าสูบบุหรี่นั่นจึงมีอันตราย - เคมีทั้งนั้น ไม่เป็นธรรมชาติ น้าหลวงรื่นมีทรัพย์สินที่ดินอยู่ติดถนนสี่เลน และติดถนนทางหลวงชนบท รวมกันราคาหลายสิบล้าน นี่ - อีกแล้ว ไม่ได้เล่าให้หมั่นใส้ว่าร่ำรวย แต่เล่าให้ท่านผู้อ่านฟังว่า การสูบใบจากไม่ใช่เครื่องแสดงฐานะว่ายากจน

น้าหลวงรื่นแกมีความคิดฝัน จินตนาการ ถึงหนทางที่จะร่ำจะรวยอยู่เรื่อย และแกอยากเห็นผู้เขียนและหลานคนอื่น ๆ มีเงินมีทองใช้  แกบอกผู้เขียน - ซึ่งยากจน ว่า นั่งเขียนหนังสืออยู่อย่างนี้ - จนตาย  หมายความว่า จะยากจนกระทั่งตาย

แกมีไอเดียแปลก ๆ แต่ไม่ work เพื่อความร่ำรวย มากมายหลายความคิด เช่น ทำโรงสีเล็ก โรงเลื่อยเล็ก ทำเต็นท์ซื้อขายรถยนต์มือสอง ฯลฯ แกมีทรัพย์สินหรือทรัพยากรพอที่จะบันดาลให้ไอเดียเล็ก ๆ เพ้อ ๆ ของแกปรากฏเป็นรูปร่างได้ - ถ้ามีคนถูกใจไปช่วยแกทำ คนถูกใจนอกจากผู้เขียนแล้วก็ยังมีหลาน ๆ อีกสองสามคน  แต่คนที่แกถูกใจรวมทั้งผู้เขียนด้วย ไม่มีใครสนใจโปรเจ็คของแกเลย เราแต่ละคนต่างก็มีโครงการของเราเอง ยุ่งอยู่แล้ว เพราะเราก็อยากรวยเหมือนกัน

บางคนสงสัย พามองแกในแง่ร้ายว่า แกกำลังพูดจาล่อหลอก หรือกล่อม ให้ลูกหลานโลภในทรัพย์สินของแกหรือเปล่าเนี่ยะ

ผู้เขียนพูดคุยไม่ขัดคอแก ครั้นไปถึงที่ในงานแกก็จะมานั่งติดกับผู้เขียน ซึ่งผู้เขียนพบมุมนั่งเขียนหนังสือที่ทำค้างอยู่ และนำเรื่องที่กำลังทำไปทำต่อด้วย ผู้เขียนก็นั่งทำงานเขียนของตัวไม่เรื่อย ๆ ท่ามกลางเสียงอึกกระทึกของเครื่องเสียงในงานบุญ แกนั่งดูผู้เขียนโปรยตัวอักษรไปบนกระดาษเปล่า เวลานั้นผู้เขียนกำลังศึกษาเรื่องการวางพล็อตนิยาย จากครูชาวต่างประเทศในยูทูบ โดยโหลดคำสอนลงไว้ในแทบแล็ต แล้วนั่งศึกษากับสรุปไว้ใช้เอง

ผู้เขียนบอกให้แกฟังว่า ผู้เขียนเขียนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษและขายตลาดโลก และเลิกเขียนหาแดกเป็นภาษาไทยแล้ว จะมีก็เขียนเล่น ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ (เขียนบลอก)  เพราะถ้ายังขืนเขียนหากินเป็นภาษาไทย ฐานะทางการเงินของผู้เขียนจะทรุดลง จากยากจนธรรมดาที่เป็นอยู่นี้ กลายเป็นหล่นลงไปอยู่ในฐานะที่เรียกว่า ยากจนตายห่า

งานที่ทำมาหากินอยู่ในเวลานี้ ถ้าขายได้เล่มหนึ่งจะได้ประมาณ 60 บาท, 100 เล่มก็จะได้ 6,000 บาท;  1,000 เล่มจะได้ 60,000 บาท;  10,000 เล่มจะได้ 600,000 บาท; หรือ 100,000 เล่มก็จะได้ 6,000,000 บาท; เป็นต้น -- สำหรับท่านผู้อ่านหลาย ๆ ท่าน สามารถทราบข้อมูลได้จากการเคาะกูเกิ้ล เรื่องนี้เป็นกติกาสากลของอะเมซอน.ดอท.คอม ในส่วนที่เป็นอีบุค ไม่ได้มีอะไรลึกลับหรือซับซ้อน และไม่ใช่รายได้จริงที่กำลังได้อยู่ เป็นเพียงกติกาของเขา

น้าหลวงแกรับฟังแล้วไม่พูดอะไร

น้าหลวงแกสนใจการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ แกไม่รู้จักอินเตอร์เนต แต่มีแวดวงที่แกไปคุยได้ข้อมูลต่าง ๆ มา ซึ่งผู้เขียนก็ได้รับฟังประเด็นแปลก ๆ มาจากแก เช่น “รู้มั้ย เมียของ.....นั่นหนะ เป็นแขก”

แกนั่งชิดติดกับผู้เขียนในมุมหนึ่งของบ้านงาน คุยจนหมดประเด็นจะคุย แกบอกผู้เขียนว่า วิธีทำมาหากินของผู้เขียนได้เงินช้า (หมายความว่า สู้ช่วยแกทำมาหากินไม่ได้ เช่น ไปทำเต้นท์ขายรถยนต์มือสอง) ซึ่งผู้เขียนก็รับฟังเป็นข้อมูล และถือว่าเป็นความเห็นของแก ที่แกมีสิทธิคอมเม้นสิ่งแวดล้อม

ต่อมา มีนักการเมืองท้องถิ่นมาในงาน เจ้าภาพมาเชิญแกไปคุยกับนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งก็เป็นญาติกัน ที่โต๊ะกินข้าว แกจึงผละลุกจากไป ผู้เขียนรู้สึกดีใจแทนแก ที่ไม่ต้องนั่งดูคนทำงานที่ได้เงินช้า ไม่แน่นอน และมีสิทธิจนตายห่า

ถึงยามค่ำ เขาก็ปูเสื่อจัดที่ให้แกนอนในห้องเดียวกับผู้เขียน โดยผู้เขียนนำถุงนอนไปปูบนเสื่ออีกทีหนึ่ง และรูดซิปถุงนอน ตื่นเช้ามารถรับพระที่วัดในโหมงยังไม่ทันจะมาถึงบ้าน น้าหลวงแกก็ร้องจะกลับบ้าน แก “หวังเหวิด” ภาษาถิ่นแปลว่า เป็นห่วง แกหวังเหวิดบ้านแกซึ่งอยู่ติดถนนสี่เลนสายใต้

ผู้เขียนรู้สึกเกรงใจเจ้าบ้าน เพราะน้าหลวงรื่นกับผู้เขียนอยู่ทางเดียวกัน ถ้าไปส่งน้าหลวงรื่นแล้วตอนบ่ายก็ต้องไปส่งผู้เขียนอีกรอบ ระยะทางประมาณห้าสิบกิโลเมตร ไปกลับครั้งหนึ่งก็ร้อยกิโลแต่ใจผู้เขียนเห็นว่า มางานบุญแล้วอยากฟังพระสวดเสร็จก่อนจึงจะกลับบ้าน หลังจากพูดคุยกับใคร ๆ เรื่องจะกลับเลย หรือจะรอเสร็จพิธีสงฆ์ สรุปผลเป็นอันว่าผู้เขียนจะอยู่จนเสร็จพิธี

ก่อนจะขึ้นรถกลับบ้าน น้าหลวงรื่นเวียนมาถามผู้เขียนว่า ไม่กลับด้วยกันหรือ ผู้เขียนตอบว่า ให้พระสวดเสร็จก่อนค่อยกลับ นึกเดาเอาว่า น้าหลวงแกอาจมีประเด็นเด็ด พูดคุยกับผู้เขียนระหว่างเดินทางกลับก็เป็นได้ แต่ผู้เขียนก็ไม่ได้นึกเสียดายประเด็นเด็ดนั้น(ถ้าจะมี)

ในชีวิตตลอดมา เคยมีผู้ใหญ่แสดงความหวังดี พูดให้สมบัติอยู่สองสามราย ในที่สุดก็ไม่ได้ดังพูด ซึ่งผู้เขียนก็ถือว่าเป็นเรื่องเวรกรรม ไม่ได้นึกโลภหรือเสียดมเสียดาย กระทั่งที่ดินของแม่ -น้องซึ่งเป็นคนจัดการ ถามว่า จะเอาไหมจะแบ่งให้ ผู้เขียนก็บอกน้องไปว่าไม่เอาหรอก – ขอบใจ ที่เขียนเล่ามานี้ ก็ไม่ได้ต้องการแสดงโอ้อวดว่าตนเป็นคนดีที่มักน้อย เล่าไปตามความที่เป็นจริง

ทรัพย์สินเงินทองเราหาเอาเอง สบายใจที่สุด ที่จริงเราก็หาไว้ให้ลูกหลานใช้ด้วย แต่ว่าเราใช้ของเราเองเป็นสำคัญ การมีลูกมีหลานที่เขาจะใช้ประโยชน์ในบางส่วนได้ต่อไป ต้องถือว่าเราเป็นคนมีบุญที่มีคนมารองรับ ผู้เขียนกับเพื่อนรักคนหนึ่ง - ชาวใต้ และเป็นนักกฎหมาย เราเห็นพ้องกันว่า เราจะไม่พูดให้ลูกหลานโลภ เราจะไม่พูดจาให้ความหวังใคร ญาติผู้พี่ของผู้เขียนคนหนึ่งถึงกับบอกผู้เขียนว่า ที่มีอยู่ใช้ให้หมด ไม่ต้องเหลือไว้ให้ใคร

ผู้เขียนเห็นว่า ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับน้าหลวงรื่น น่าจะเป็นความเหงาหงอยของคนแก่มากกว่าอื่นใด แกอยากมีที่พูดที่คุย ใครสนใจเรื่องทำนองนี้เพิ่มเติม อาจเคาะชมได้ที่ยูทูบ รายการ Loneliness in the UK เป็นรายการใน itv (ของอังกฤษ)


หมายเหตุ – ภรรยาน้าหลวงรื่นยังมีชีวิตอยู่และอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่มีลูกสองคน คนหนึ่งอยู่ที่บ้านและมีหลานแล้ว กรณีของน้าหลวงรื่นนี้ ก็น่าจะเป็นคนชราที่มีพร้อมทุกอย่าง ถ้ายังไม่มีความสุข ก็เป็นเรื่องไม่ง่ายนัก และกรณีเช่นนี้ไม่ได้มีรายเดียว เรื่องของคนที่มีพร้อมทุกอย่างทางวัตถุแต่ไม่มีความสุข  แต่นั่นก็เป็นเพียงความเห็นของผู้เขียนข้างเดียว ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่ทราบ อาจค้นคว้ามาเขียนเล่าภายหลัง

อย่างไรก็ดี ความเหงาหงอย หดหู่ เศร้าซึม เป็นโรคที่กระทบคนมีอายุ แต่สมัยนี้คนอายุไม่มากก็มีสิทธิเป็นโรคนี้ได้เหมือนกัน ทว่าคนอายุน้อยเขามีทางที่จะดิ้นรนเอาตัวรอด ได้ดีกว่าคนมีอายุมาก



เดฟ นาพญา

4 มกราคม 2562 
บ้านนาพญา
อำเภอหลังสวน
จังหวัดชุมพร
ประเทศ-ไทย
ดาวพระเคราะห์-่โลก
ระบบดาว-สุริยจักรวาล
กาแลกซี-ทางช้างเผือก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น