open letter no 2

Chicago 2 why Chicago

Chicago 2 ทำไม ผมต้องดัดจริต ฟังวิทยุชิคาโก ด้วย? ๑.    ผมติดนิสัยชอบฟังวิทยุตปท. จากแดนไกลเป็นนิสัยมาแต่มัธยม เพื่อฝึกภาษา ประกอบกับมีผู...

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Village Life: ชีวิตก้าวต่อไป หลังการพลัดพรากสูญเสีย


พระท่านว่า การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์  
                                                          
คำว่า “สิ่ง” ในที่นี้ท่านไม่ได้หมายความถึงสิ่งของ หรือเครื่องใช้ในบ้าน เช่น เครื่องดูดฝุ่น หรือไม้กวาด หรือเครื่องซักผ้า  ซึ่งในสามสิ่งนั้นที่บ้านผู้เขียนมีอยู่อย่างเดียว คือ ไม้กวาด

การพลัดพรากจากสิ่งมีชีวิต เช่น คนหรือสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รัก น่าจะนำความทุกข์อย่างสาหัสมาสู่เรา  หลังจากผ่านกระบวนการจัดการความสูญเสีย หรือจัดการความทุกข์อันเกิดจากการพลัดพราก มาแล้ว เช่นในกรณีสัตว์เลี้ยงตาย ซึ่งหลาย ๆ คนเสียใจกว่าคนตายเสียอีก  เราได้อาศัยซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรม จำพวก pet loss หรือ loss เฉย ๆ มาช่วยดูแลรักษาใจ

คำถาม หรือ ปริศนา ต่อมาที่จะช่วยให้เราก้าวหน้าต่อไป ตลอดจนเยียวยาได้สนิทขึ้น ได้แก่การรู้จักตอบปริศนาเรื่องชีวิตภายหลังการสูญเสีย หรือชีวิตภายหลังพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ซึ่งไม่ใช่เครื่องซักผ้า หรือไม้กวาด

How to thrive in the life after loss?

ผู้รู้ท่านหนึ่งท่านตอบเอาไว้ ผู้เขียนได้นำมาปฏิบัติจนเห็นผล(ดี) จึงขอแบ่งปันกับมิตรสหายดังนี้ครับ

เบื้องประถม ท่านว่า เราต้องหาทางที่จะมีชีวิตที่มีความหมาย หรือ a meaningful life โดยท่านบอกมาเสร็จเลยว่า ชีวิตที่มีความหมายคือชีวิตเช่นไร ท่านว่าเป็นชีวิตที่มีวัตถุประสงค์ หรือเจตนา จะรับใช้อะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง ไม่ใช่จมปลักอยู่แต่กับ “ตัวกู ของกู”  จะต้องใหญ่โตกว่าตัวตนของเราเอง

เบื้องมัธยม ท่านว่า ต้องคิดใหม่ทำใหม่เกี่ยวกับญาติมิตร คือ ให้แวดล้อมตัวเราด้วยสัมพันธภาพที่เป็นเชิงบวก ไม่ใช่พวกที่ชวนกันไปลงนรก  สัมพันธภาพเชิงบวกคืออย่างไร ก็คือคบคนที่เขาปรารถนาจะเห็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา เกิดแก่เรา  ภาษาประกิตว่า people who want what is best for you นั่นแหละพี่ สัมพันธภาพเชิงบวก

โห สุด ๆ เลย หาง่ายซะเมื่อไหร่  แต่ถ้าเราเป็นคนดี หรือคนเลวแต่โชคดี เราจะได้เจอคนที่ปรารถนาจะเห็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา เกิดแก่เรา  ส่วนพวกนรกแตกทั้งหลายท่านเรียกว่า toxic people คือ คนเป็นพิษ เราต้องรู้จักเลี่ยง เรื่องนี้พ่อแม่ก็ทำให้เราไม่ได้ เราต้องรู้จักทำเอาเอง

เบื้องอุดม ท่านว่า ให้รู้จักประเมินพละกำลังแห่งตน แล้วหาสมดุลระหว่างพละกำลังตนกับความรักความชอบของตน การประเมินกำลังตนนั้นท่านว่าต้องพยายามรู้ให้ได้ว่า จุดแข็งของเราอยู่ที่ไหน คืออะไร เรามีกันทุกคนเพียงแต่หลายคนไม่รู้ตัว  ส่วนความรักความชอบนี่ไม่ใช่ความถนัดนะ นั่นมันเรื่องของเด็กช่าง นี่เรากำลังคิดเรื่องศิลปะของชีวิต กำลังคิดเรื่อง art ไม่ได้คิดเรื่อง craft

สมดุลระหว่างกำลังตนกับความรักความชอบ(passion)ของตน จะทำให้ชีวิตเรามีผลต่อสิ่งแวดล้อม(ในทางที่ดี)  

สรุป -- ท่านว่า การคิดคำนึงประเด็นเหล่านี้ จะช่วยเรา ในยามยากและระกำลำบาก ประกิตว่า when things get tough and times get hard

เอวัง ก็มี ด้วยประการฉะนี้ แหละโยม




สนใจ VillageLife บทอื่น ๆ คลิกนี่เลย 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น