open letter no 2

Chicago 2 why Chicago

Chicago 2 ทำไม ผมต้องดัดจริต ฟังวิทยุชิคาโก ด้วย? ๑.    ผมติดนิสัยชอบฟังวิทยุตปท. จากแดนไกลเป็นนิสัยมาแต่มัธยม เพื่อฝึกภาษา ประกอบกับมีผู...

วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Village Life: สวัสดีปีใหม่ ผมไม่ใช่ จิ้งหรีด นะครับ



          หัวเรื่องมีความหมายว่า ผู้เขียนบลอคมีชีวิตอยู่ด้วยการกินข้าว ไม่ใช่กินน้ำค้าง

          และเบอร์บัญชีของผม ที่ปรากฏอยู่ในคอลัมน์ขวามือท่าน บนหน้าบลอค บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เลขที่ 804-0-22901-4

          มันปรากฏอยู่ที่นั่นอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่โพสต์ไว้เล่น ๆ นะพี่

          นี่ไม่ใช่การเรี่ยไร ซึ่งผิดกฎหมายพ.ร.บ.เรี่ยไร  แต่นี่เป็นการ “ต่างตอบแทน”  หรือที่ภาษาอังกฤษกฎหมาย ตามพจนานุกรมนิติศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เรียกว่า reciprocity และแปลไว้ว่า “การตอบสนองกัน” หรือ “การถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ”

          อย่างไรก็ดี สำหรับผู้เขียน(บลอค)เรื่องนี้มีความหมายเป็นรูปธรรมชัดเจน จะขอใช้คำศัพท์บ่งชี้ชัดว่าเป็น “สัญญาต่างตอบแทน” หรือ reciprocal contract

          ตายโหง เขียนจนมึนเลยกู ดูซิดู ความที่กลัวจะติดตะราง

          เอางี้แล้วกัน จะทำแบบเดียวกับพวกเว็บไซด์ขายหนังโป้ คือ ฉายให้ดูฟรีสักแปดสิบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์  ถ้าจะชมส่วนที่ขยักเอาไว้ จะต้องจ่ายตัง

          สมมติว่า ผมจะเสนอบทความเรื่องทำนอง “ระบอบประชาธิปไตย มีข้อเสียอย่างฉกาจอย่างไรบ้าง?” ก็จะขยักช่วงตอนที่เด็ด ๆ ไว้โดยทำเป็นเส้นประ.......... สักสิบเปอร์เซ็นต์หรืออาจจะน้อยกว่านั้นอีก ไม่ถึงกับงกจัดหรอก งกนิด ๆ พอให้ชีวิตตื่นเต้น ครับ

          ที่เส้นประดังกล่าว จะทำมีรูป นางกวัก กำกับแจ้งไว้ชัดเจน ดังนี้ 

       


เส้นประ....................พื้นที่เชิงพาณิชย์ เติมเงินมา —แล้วจะเติมเนื้อหาเต็ม
หากสงสัย – โปรดอ่านคำชี้แจงที่ "ผมไม่ใช่ จิ้งหรีด นะครับ"



          พอพี่ใหญ่โอนเงินเข้าบัญชี ไม่ต้องมากครับ ร้อยสองร้อยก็พอแล้ว ผมก็จะปลดล็อคเส้นประ......................จะเติมข้อความให้เต็มในสัปดาห์ถัดไป  ถ้ามีคนโอนมาสักรายสองรายก็ปลดล็อคแล้วครับ และปลดให้สำหรับทุกท่าน  จะกลายเป็นงานสาธารณะไปทั้งชิ้น  แม้ท่านที่ไม่ได้โอนเงินเข้ามาก็สามารถอ่านได้  คือว่าเราอย่า งก กันเกินไป เอาพอตื่นเต้นก็พอ

          ถึงแม้ผมจะไม่ใช่จิ้งหรีดกินน้ำค้าง  แต่ผมก็มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ประหยัดมาก หรือมาก ๆ เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้จ่ายเงินมากมายอะไร  เงินทองที่ท่านผู้อ่านบลอคที่รัก – my dear blog readers โอนเข้าบัญชีให้นั้น จะถูกใช้จ่ายเพื่อการกินอยู่ประจำสัปดาห์ ไม่นำไปฟุ่มเฟือยที่ไหน  ถ้าจะสุขสันต์บันเทิงจะใช้เงินจากแหล่งอื่นครับ เพราะยังพอมี passive income เล็ก ๆ น้อย ๆ จากแหล่งอื่น ๆ อีกแหล่งสองแหล่ง เช่น ตัดปาล์มขาย เป็นต้น

          ค่าใช้จ่ายประจำสัปดาห์ หรือเดือน ของผู้เขียนซึ่งเลี้ยงสุนัขสองตัว เป็นดังนี้

          ซื้อข้าวสารชนิดถูกสุดมาหุงกิน  ที่ตลาดหลังสวนเขาขายกิโลละ 15 บาท ซื้อครั้งละหนึ่งกิโล แล้วซื้อข้าวสารชนิดดีขึ้นนิดนึง กิโลละ 20 บาท อีกหนึ่งกิโล กับซื้อข้างกล้องปากพนัง เป็นข้าวแดง กิโลละ 33 บาท อีกหนึ่งกิโล

           ข้าวสารสามกิโล สามชนิด สามราคา นำมาคลุกเคล้าผสมกัน  ตักมาหุงทีละ สองจอกเล็ก ๆ หุงหม้อเดียว กินได้ทั้งคนและหมา  ข้าวสารสามกิโลนั้นกินได้ประมาณสัปดาห์เศษ ๆ หรืออาจจะสองสัปดาห์

          จะเล่าให้ฟังว่า ข้าวสารชนิดถูกที่สุด ราคากิโลละ 15 บาท ซึ่งซื้อมากินประจำนั้น ที่ตลาดหลังสวนเขาเรียก “ข้าวหมา”   ถ้าอยากมีระดับ ดีกว่าหมาหน่อย ก็ให้นั่งรถไฟท้องถิ่น ขบวน 445 ชุมพร - หาดใหญ่ ไปลงที่สถานีสุราษฎร์ธานี ค่ารถไฟเที่ยวเดียว 22 บาท ไปกลับ 44 บาท  ข้าวสารชนิดเดียวกันเด้ะ ที่สุราษฎร์ฯเขาเรียกอย่างสุภาพว่า “ข้าวแข็ง”  เพราะสุราษฎร์ธานี แปลว่า เมืองคนดี  

          เขาพูดจาไพเราะกว่าภาษาบ้าน ๆ ของคนหลังสวน  แต่เขาขายกิโลละ 17 บาท!

          แล้วอย่าไปบ่นกะเขานะว่า  โอ้โห ที่หลังสวนขายโลละ 15 บาทเอง  เขาจะตอบว่า แล้วมาสุราษฎร์ ทำไมอ่ะ?  อยู่หลังสวนก็ดีแล้ว

          ที่เล่าให้ฟังนี้  โดนมาแล้ว

          ที่จริงสุราษฎร์ธานี อาจไม่ได้แปลว่าเมืองคนดีก็ได้  เพราะชื่อนี้ตั้งเลียนแบบชื่อ เมือง สุหรัด ในอินเดีย อยู่ในรัฐกุจราต ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำตาปีในอินเดีย  ส่วนแม่น้ำตาปีในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทางภาคใต้ของประเทศไทยนั้น เดิมเรียก “แม่น้ำหลวง”

          จากค่าข้าวสารก็มาถึงค่าผักหญ้า  ซึ่งบางทีก็เก็บกินเอาในสวน  แต่บางทีก็ต้องซื้อหา  ค่าผักประมาณสัปดาห์ละ 40 บาท

          จากผักก็มาถึงเนื้อสัตว์ กินไก่สดแช่แข็งจากร้านเฟรชมาร์ต ของซีพี ในตลาดหลังสวน หรือกินปลาทะเลจากตลาดสด ราคาประมาณ ๆ กัน  คนและหมาสองตัวกินสัปดาห์ละประมาณสองกิโล ราคารวมประมาณ 125-150 บาท  ราคาปลาผันแปรตามฤดูกาลและตามคลื่นลมในทะเล

          ค่าน้ำกิน ซื้อน้ำถังมากิน ซึ่งมีบริษัทธุรกิจ เขาสูบน้ำขึ้นจากแม่น้ำหลังสวน มากรองขาย  ค่าน้ำกินประมาณสัปดาห์ 30 บาท  ค่าน้ำใช้ไม่เสียเพราะมีแท้งก์น้ำทำด้วยปล่องบ่อ รวมสี่แท้งก์ ๆ ละสี่ปล่อง รวมทั้งหมด 16 ปล่อง จึงมีน้ำใช้เหลือเฟือตลอดทั้งปี -ฟรี

          ที่บ้านไม่มีตู้เย็น ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นใด นอกจากพัดลม หม้อหุงข้าว และเครื่องรับวิทยุคลื่นสั้น(short wave radio receiver) กินไฟเพียง 10 วัตต์ เปิดวิทยุวันละประมาณสี่ชั่วโมง เช้าหนึ่งชั่วโมง 06.00 07.00 และเย็นค่ำสามชั่วโมง 17.00 20.00 น. ตามเวลาที่สถานีเจ้าประจำ เขากระจายเสียง ส่งคลื่นสั้นมาครอบคลุมถึงภาคใต้ของประเทศไทย  ฟังสถานีนี้มานานนับสิบปีแล้ว

          ผู้เขียนไม่มีอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เนต จากที่บ้านหรือจากโทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้เพราะต้องการมีวินัยในการใช้เนต  เมื่อจะใช้อินเตอร์เนตจะเดินทางเข้าไปในเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากสวนและบ้าน ไปประมาณสิบกิโลเมตรเศษ ๆ 

          อย่างไรก็ดี เวลานี้มีอุปสรรคในการทำงานอยู่อย่าง คือ โน้ตบุคเสีย 

          เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต และได้หาทางออกให้แก่ตัวเองมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกสหายผู้หนึ่ง ซึ่งผู้เขียนช่วยเขาขายของในเนต  ได้มอบโน้ตบุคมือสองให้  ใช้ได้ประมาณหนึ่งปีก็เสีย  จึงร้องขอไปที่ญาติผู้หนึ่งซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ  เขามีเมตตาส่งโน้ตบุคเก่าของเขามาให้  เวลานี้ก็เสียอีกแล้ว  ยังไม่ได้ซ่อม กำลังคิดว่าจะเก็บตัง ซื้อเครื่องใหม่สักเครื่อง

          ผู้เขียนฝึกนิสัยสำรองไฟล์เป็นประจำ  เวลาเครื่องเสีย จึงไม่ได้สูญเสียงานที่กำลังทำ

          ขณะนี้ ราคาปาล์มตกต่ำมาก  ส่วนราคายางพาราไม่ต้องพูดถึง ขอโทษ - ถูกคล้าย “ขี้”  หมายถึง ขี้ไก่ที่เขาบรรจุถุงขายเป็นปุ๋ย  ท่านผู้อ่านที่เคารพ ลองตรึกตรองดูครับ  ถ้าผลผลิตกับปุ๋ยราคาเท่ากัน  อาชีพทำสวนมันจะไม่ดูตลกหรือ?  ใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้กิน มันกินแล้วมีดอกผล ขายได้พอมีเงินเพียงแค่ไปซื้อปุ๋ยมาให้มันกินต่อ  ก็เอาเงินไปซื้อปุ๋ยมาให้มันกินต่อไปอีก - สงสารมัน  เฮ้ย วนเวียนทำอยู่อย่างนี้ - บ้าเปล่า?  ตลกแต่ตัวเองอดแดก ไม่ใช่ตลกแดก  ต้นไม้มีกินก็จริง แต่คนทำสวนจะกินอะไร?

          ฟังแล้วไม่ค่อยจะสร้างสรรค์  พูดเรื่องสร้างสรรค์ของเราดีกว่า  ว่าเงินที่ท่านผู้อ่านเข้าบัญชีให้  ถ้าเหลือจากการกินการใช้ในแต่เดือนแต่ละสัปดาห์  ก็จะเก็บสะสมไว้ทีละน้อย รวมกับรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็น passive income จากแหล่งอื่น  กะจะซื้อโน้ตบุคใหม่สักตัว  ไม่ได้นำเงินนั้นไปใช้จ่ายอีลุ่ยฉุยแฉก ฟุ่มเฟือย ที่ไหน  

          อีกประการหนึ่ง กำลังคิดโครงการใหญ่ กะจะเขียนขาย พิมพ์เองขายเอง เป็นหนังสือ อีเล็กฯ (โทรนิค) บนเวทีของอะเมซอน ดอท คอม  เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ใช้นามปากกาใหม่ ไม่เปิดเผย

          รายการนี้กะรวย  โธ่ คิดดูซิ นักบอลไทยสมัยนี้  บางคนค่าตัวตั้งสามสิบล้าน ห้าสิบล้าน  บางคนก็ไปค้าแข้งอินเตอร์  แล้วคนเขียนหนังสือล่ะ?

          ผมมีสิทธิมั้ยครับ?

          โอกาสทองของคนเขียนหนังสือหากินสมัยนี้  อยู่ที่การเขียนขายเป็นหนังสืออีเล็กฯ ซึ่งขายได้ทั่วโลก ขายกับตลาดคนในเนตสี่พันล้านคน  เพราะฉะนั้น เงินล้านสองล้าน หรือห้าล้านสิบล้าน หรือแม้แต่ห้าสิบล้านร้อยล้าน  ไม่ใช่เรื่องฝันกันไม่ได้  taboo - ต้องห้าม ในต่างประเทศคนเขียนหนังสือหลาย ๆ คนเขาเอื้อมถึงกันแล้ว....แต่อย่างว่า คนพวกนี้มีจำนวนน้อยนิด อาจไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของคนที่พิมพ์เองขายเอง อยู่บนเวทีคินเดิล  นี่คือความจริง แต่นั่นไม่สำคัญ  สำคัญอยู่ที่เรามีสิทธิที่จะ “ฝัน” 

          สรุปแล้วกันว่า สำหรับการเขียนที่บลอค ผู้เขียนพอใจที่จะเห็นท่านผู้อ่านร้อยคน โอนเงินเข้าบัญชีให้คนละร้อยบาท  มากกว่าที่จะเห็นท่านเดียว โอนมาหนึ่งหมื่นบาท  อยากมีเพื่อนร้อยคน มากกว่าที่จะมีเพื่อนคนเดียว  ทั้งนี้มีเหตุผลที่ดี คือ เพื่อนคนเดียวของเรา  ถ้าเขาหายไปจากชีวิตเราด้วยประการใด ๆ ก็ดี  เราก็จะว้าเหว่ ขาดมิตร  แต่เพื่อนร้อยคน อนุญาตให้หายไปได้ 99 คน ผมก็จะยังเหลือเพื่อนอีกหนึ่งคน

          ท่านผู้อ่านที่รักและเคารพ จะตอบแทนงานเขียนหรือไม่ อย่างไรนั้น  คุณค่าของงานที่ผู้เขียนเพียรทำเสนอเป็นเรื่องสำคัญ  ถ้างานมีคุณค่า - ก็น่าจะมีคนตอบแทน

          ส่วนการที่ท่านผู้อ่าน จะสนองกลับอย่างไร มากน้อยเพียงใด ไม่สำคัญ  เพียงท่านเคาะเข้ามาเยี่ยมชม เข้ามาอ่าน ก็เป็นพระคุณมากแล้ว  เพราะการตอบแทนลักษณะเปิดเสรีเช่นนี้  มีเสน่ห์ตรงที่ จะไปกะเกณฑ์อะไรกันไม่ได้ทั้งนั้น น่าตื่นเต้น  เอ็กไซติ้งกว่าเขียนลงในสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งมีค่าตอบแทนตายตัว  ปกติสมัยนี้ ชิ้นละสามพันบาท  เสน่ห์อีกอย่างของการเขียนบลอค คือ เรามีเสรีภาพมากขึ้นในการเขียน  ไม่ต้องระแวงระวังว่า กองบ.ก.ท่านมีแนวนิยมวางไว้อย่างไร?

          ท่านที่ปรารถนาจะอ่านฟรี  ท่านก็ยังได้อ่านฟรี ๆ  อยู่เหมือนเดิมครับ  ไม่มีใคร – รวมทั้งผู้เขียนบลอคเอง จะไปว่าอะไรท่านได้  ตัวผู้เขียนเองก็ตัวดี อ่านฟรีของท่านผู้อื่นอยู่เป็นประจำครับ  เราไม่ว่ากัน
          เขียนไปเขียนมาชักซ้ำซาก ย่ำอยู่กับที่  ขออนุญาตพอเท่านี้นะครับ – ท่านผู้เจริญ  แต่ถ้าท่านอุตส่าห์อ่านมาจนจวบเท่าถึงบรรทัดนี้  อย่าลืมโอนมาสักร้อยสองร้อยนะครับ จะเป็นพระคุณ  ข้าวสารหมดพอดี...

          หมาน้อยสองตัวที่บ้าน ฝากกราบขอบพระคุณท่านด้วย  โฮ่ง ๆ ๆ โฮ่ง ๆ ๆ  ไม่เห็นแก่คน งัยก็ -- เห็นแก่หมาน้อย บ้างละกัน 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น