ยู-ตา-นา-เซีย
= euthanasia
ผู้เขียนมีสหายสตรีสองคน
ที่สนิทสนมกัน คนหนึ่งคบกันตั้งแต่พอจำความได้ ประมาณสามสี่ขวบ คนนี้สนิทที่สุด มีอะไรก็พูดกันเหมือนกับรำพึงกับตัวเอง
พูดภาษาใต้และใช้สรรพนาม “มึง-กู” ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนภาคกลาง อยู่กรุงเทพฯ
ที่ปักษ์ใต้
ครั้นโตขึ้น จบชั้นประถม ชีวิตเราแต่ละคนต่างก็กระเด็น กระเจิง
กันไปคนละทิศคนละทาง
ผู้เขียนเข้ากรุงเทพฯและต่อมา ไปต่างประเทศ เพื่อนชาวใต้ของผู้เขียนกระเด็นลงใต้
ไปพังงา-ภูเก็ต และต่อมาไปทำมาหากินอยู่หาดใหญ่ เป็นช่างเสริมสวย
ทำให้เธอได้เสวนากับสตรีผู้มีอันจะกินตลอดจนพวกคุณหญิงคุณนาย เวลานี้เราต่างคนต่างก็กลับมาอยู่บ้านเกิด(กลับกันมานานนับสิบปีแล้ว)
โดยที่ผู้เขียนมาอยู่บ้านสวน ส่วนนังเพื่อน มันอยู่ในตัวเมือง ทำมาหากินที่นั่น own account มันชอบชีวิตนาครธรรม
และเราก็ยังสนิทสนมกันเหมือนเดิม
ยังคงใช้สรรพนาม มึง-กู
อยู่มา
ผัวของนังเพื่อนล้มป่วยลง ต้องนอนติดเตียง วันหนึ่งผู้เขียนเข้าเมืองตามปกติและแวะคุยกับเพื่อนที่ตลาด
ที่ ๆ มันทำมาหากินอยู่(ไม่ใช่ช่างเสริมสวยแล้ว)
และด้วยเหตุว่า เวลานั้นสุนัขสุดที่รักของผู้เขียนตายลง
เราก็เลยคุยกันเรื่องหมา
นังเพื่อนมันก็เคยเลี้ยงหมาใกล้ชิด มีประสบการณ์ ที่มีความสุขกับการได้เลี้ยงสุนัขแสนรู้เป็นเพื่อน
เพราะตัวมันไม่มีลูก
เนื่องจากอายุขัยสุนัขสั้นกว่าคน
ชีวิตคนรักหมาย่อมมีหมาตายจากไปบ้าง ตัวสองตัว หรือมากกว่านั้น
ความคิดอ่านบางอย่างเกี่ยวกับการเลี้ยงสุนัขของผู้เขียน
จะเป็นความคิด “แบบฝรั่ง” เช่น เกี่ยวกับการดูแลบั้นปลายชีวิตของสุนัข
เป็นต้น ในยามที่เขาป่วยไข้รักษาไม่หาย
ผู้เขียนก็จะปรึกษาสัตวแพทย์และให้คุณหมอทำ ยู-ตา-นา-เซีย สุนัข
หรือมีสำนวนฝรั่งว่า put to sleep ซึ่งอาจแปลเป็นไทยว่า
ให้นอนหลับนิรันดร์ ภายใต้การดูแลของสัตวแพทย์
สัตวแพทย์ที่สนิทกันผู้หนึ่งบอกผู้เขียนว่า “เป็น mercy killing ครับพี่” ผู้เขียนถามว่า
เขาจะเจ็บปวดอะไรไหม คุณหมอบอกว่า “ไม่เจ็บปวดหรอกพี่
เขานอนหลับและฝันดี”
พอคุยกันถึงประเด็นนี้ ผู้เขียนเล่าให้นังเพื่อนฟังว่า
หมอเขาจะฉีดยานอนหลับก่อน พอหลับสนิทแล้ว เขาจะฉีดยาให้หัวใจหยุดเต้น นังเพื่อนผู้เขียนซึ่งผัวกำลังป่วยนอนติดเตียง
มันพูดขึ้นว่า “น่าจะทำกับคนมั่ง”
ผู้เขียนบอกเพื่อนว่า
บางประเทศเขาอนุญาตให้ทำกับคนได้ เช่น สวิสเซอร์แลนด์ เบลเยี่ยม เป็นต้น แต่ที่อเมริกากับฝรั่งเศส ยังทำไม่ได้
ในเบลเยี่ยม -
ประเทศที่ครั้งหนึ่งผู้เขียนเคยทำงานอยู่ที่นั่น กฎหมายเรื่อง ยู ตา นา เซีย
เปิดกว้างและเสรีกว่าใคร ๆ ในโลกปัจจุบัน
นังเพื่อนมันรำพึงรำพันดัง
ๆ ว่า “เมืองไทยน่าจะทำได้มั่ง อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว” ผู้เขียนทราบทันทีว่า มันกำลังหมายถึงผัวมัน ซึ่งกำลังเป็นภาระแก่มันต้องดูแล ผู้เขียนจึงด่ามันว่า “มึงพูดอุบาทว์”
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ผู้สูงอายุท่านหนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพของผู้เขียน ท่านประสบอุบัติเหตุร้ายแรง
จะต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา ลูก ๆ ประชุมกันที่โรงพยาบาล
เห็นชอบที่จะไม่เสียบสายระโยงระยางเพื่อรักษาชีวิต
บนแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักของเรานี้
มีคนแก่จำนวนมากนอนป่วยติดเตียงอย่างน่าสงสาร และไม่ได้รับการดูแลที่ดี คุณภาพชีวิตที่เหลืออยู่นั้น
จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี
ยู ตา นา เซีย เป็นหนทางแห่งคุณธรรมหนทางหนึ่ง – ตามความเห็นของผู้เขียน – ที่เมืองไทยน่าจะพิจารณา
ทำประชาพิจารณ์กันดู
โดยรัฐจัดให้ประชาชนพูดจาเรื่องนี้กันอย่างเปิดเผยในทางสาธารณะ และเก็บเป็นข้อมูลข่าวสาร
- ยังไม่ต้องมีการตัดสินใจ ปล่อยให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นคนตัดสินใจ
วีดีโอ การเล่นครั้งสุดท้าย ของน้องหมา
น้องหมาอายุมากแล้ว
ร่างกายเสื่อมโทรมตามอายุขัย เดินได้เพียงช้า ๆ และเจ็บปวด
เจ้าของตัดสินใจหารือกับสัตวแพทย์ เพื่อทำ ยู ตา นา เซีย
เจ้าของพาน้องหมา
ไปเดินเล่นชายหาดที่เคยวิ่งเล่นสมัยที่น้องหมายังเล็ก ๆ อยู่ ระหว่างเดินเล่นครั้งสุดท้ายของน้องหมา
มีการถ่ายทอดผ่านยูทูบ มีผู้ติดตามชม มาให้กำลังน้องหมา
และเสมือนมาเป็นเพื่อนเดินด้วย จำนวนมากมายนับแสนนับล้าน ทั่วโลก
เจ้าของได้นัดสัตวแพทย์
มาช่วยให้น้องหมา ได้หลับนิรันดร์ บนเสื่อที่นอน ปูบนชายหาด มีเจ้าของและผู้ชมยูทูบทั่วโลก
เป็นเพื่อน
อ่านบทความ ชุด VillageLife ทั้งหมด คลิกนี่เลย
อ่านบทความ ชุด VillageLife ทั้งหมด คลิกนี่เลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น