ระบอบประชาธิปไตย เหี้ย อย่างไร?
๑. ระบอบประชาธิปไตย
ส่งเสริมให้คน หลงใหลได้ปลื้ม และหลงทาง ไปกับวัตถุนิยม
๒.
ระบอบประชาธิปไตย
แพร่ความอิจฉาริษยา
๓.
ระบอบประชาธิปไตย
ก่อให้เกิด ทรราชย์เสียงข้างมาก
๔.
ระบอบประชาธิปไตย
ปลุกปั่นให้ประชาชนชิงชัง และต่อต้าน ผู้มีอำนาจหน้าที่
แม้เขาจะได้อำนาจหน้าที่มาโดยชอบธรรม
ก็ตาม
๕.
ระบอบประชาธิปไตย
บั่นทอน ริดรอน สิทธิเสรีภาพของประชาชน
๑.
ระบอบประชาธิปไตย
ส่งเสริมให้คน หลงทาง ไปกับวัตถุนิยม
ในระบอบประชาธิปไตย
คนพากันเชื่อว่า คนเราถ้าได้ทำงานอย่างหนัก ไม่อายทำกิน ไม่หมิ่นวาสนา เราก็มีโอกาสจะร่ำรวยได้...
ความร่ำรวยเป็นเรื่องที่คนบูชา
ในระบอบประชาธิปไตย คนร่ำรวยได้รับการยกย่อง
นักประชาธิปไตยสอนให้คน
คิดว่า “หนังสือที่ขายไม่ดี จะเป็นหนังสือดี ไปได้อย่างไร?”
ตามระบอบประชาธิปไตย
เงินและความสามารถในการหาเงิน คือ ตัววัดค่าของคนด้วยกัน และวัดคุณค่าของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
๒.
ระบอบประชาธิปไตย
ปลูกฝังความอิจฉาริษยา
ทำไม
ความเสมอภาคทางการเมือง นำมาซึ่งความขี้อิจฉาริษยา
ก็เมื่อสังคมประชาธิปไตย
ไม่ยอมรับนับถือชาติกำเนิด หรือกรรมเก่า
อีกนัยหนึ่ง ไม่ปรารถนาความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม
เมื่อนั้น คนทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง ตะเกียกตะกาย และเหี้ย ๆ
คนหนึ่ง ก็อาจพาลนึกไปว่า เป็นการง่าย
เป็นการอีซี่ ๆ ที่ตนเองจะเปิดประตู ไปสู่อาชีพได้ทุกชนิด รวมทั้งตนมีสิทธิก้าวถึงหน้าที่การงานอันยิ่งใหญ่
นานาชนิด
แถมยังอาจสำคัญตนผิด
คิดว่าฟ้าส่งมาเกิด
เพื่อให้ตนได้เดินทางไกลไปสู่ชีวิตที่ “ไม่ธรรมดา”
แต่
ครั้นได้มีชีวิตอยู่ไปไม่นาน ประสบการณ์ชีวิตจริงในโลกมนุษย์ขี้เหม็น
จะปลุกให้เขาตื่นจากอาการละเมอเพ้อพก และภาพหลอนตา
ในสังคม
ที่ทุกคนถูกปรับ ให้อยู่ในระนาบเดียวกันนั้น ผู้ใดโดดเด่นขึ้นมา
จะเป็นที่สังเกตของคนทั่วไป
ใครจะโงหัวขึ้นมาจากแนวระนาบ เป็นไม่ได้
จะต้องมาแบบเรียด ๆ
สำหรับ
นักประชาธิปไตย ใครจะดีไปกว่าตัว ไม่ได้เด็ดขาด
๓. ระบอบประชาธิปไตย ก่อให้เกิด ทรราชย์เสียงข้างมาก
มักจะเข้าใจกันโดยทั่วๆไปว่า
ระบอบประชาธิปไตย เป็นปฏิปักษ์ต่อ ทรราชย์
ไม่จริงเสมอไปหรอก เอาเข้าจริง ๆ
ระบอบประชาธิปไตยเป็นบ่อเกิดทรราชย์ชนิดพิเศษ คือ ทรราชย์เสียงข้างมาก
ทรราชย์เสียงข้างมากของระบอบประชาธิปไตย
เกลียดชังความเห็นต่าง
ตลอดจนความแตกต่างใด ๆ
โดยเฉพาะความต่างอันเกิดจากสติปัญญาที่เหนือกว่าตน จะถูกเกลียดชังเป็นพิเศษ
ระบอบประชาธิปไตยจะมีสัญชาตญาณอันดุร้าย
ที่จะขบกัด ฟาดฟัน ขย้ำ ผู้ที่โดดเด่นให้ต้องขมำ หกคะเมน ล้มลงมายังแนวระนาบ
การกระโจนเข้าทำร้าย
ห่ำหั่น ดังกล่าวนั้น
ถือเป็นคุณงามความดีตามระบอบประชาธิปไตย และจะได้รับการปูนบำเหน็จ
4.ระบอบประชาธิปไตย
ปลุกปั่นให้ประชาชนชิงชัง และต่อต้าน ผู้มีอำนาจหน้าที
แม้เขาจะได้อำนาจหน้าที่มาโดยชอบธรรม
ก็ตาม
คนจำนวนมากในระบอบประชาธิปไตย แม้เป็นคน เหี้ย ๆ หาดีอะไรไม่ได้ ก็จะยังปฏิเสธ ไม่ยอมรับว่า จะมีใครในโลกนี้
ดีไปกว่าตัว
สำหรับนักประชาธิปไตยแล้วละก้อ
คนอื่น แม้จะใช้เวลาเจ็ดปี ศึกษาเล่าเรียน ฝึกฝน เพื่อที่จะเป็นหมอ
หรือศึกษากฎหมายมาแตกฉานสองทศวรรษ หรือเขียนหนังสือดีขึ้นมาเล่มหนึ่ง คนเหล่านั้น
ก็จะดีไปกว่าตัวไม่ได้
นักประชาธิปไตยจะไม่ยอมรับผู้อื่น ไม่ว่าผู้ใด ให้อยู่เหนือตน พวกเขาจะไม่ยอม “ก้มหัว” ให้ใคร
แต่ ตามสภาพความเป็นจริง ในสังคมบ้านเมืองย่อมจะมีคนบางคน
ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ความชำนาญการ ตลอดจนมีความเมตตา กรุณา เหนือกว่าเรา
ซึ่งเราควรรับฟังเขา บ้างไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม นักประชาธิปไตยจะมีแนวโน้ม ที่จะลำเอียง ไปทางความ
“กึ่ง รู้” และความ “สู่รู้” เสียมากกว่า
5.
ระบอบประชาธิปไตย
บั่นทอน ริดรอน สิทธิเสรีภาพของประชาชน
เราท่องจำกันโดยไม่คิด
ว่าระบอบประชาธิปไตย ส่งเสริมให้ประชาชนมีจิตใจเปิดกว้าง เป็นคนใจคอกว้างขวาง
แต่ความเป็นจริง
ตรงกันข้าม
พวกนักประชาธิปไตยมักจะบอก
ว่า ก็ในเมื่อเราเป็นประชาธิไตยกันแล้ว
สิ่งแวดล้อมทางการเมืองทุกอย่างดีหมด อย่าได้คิดอ่าน วิพากษ์วิจารณ์
หรือ เม้นอะไรกันอีกต่อไป
คนในสังคมประชาธิปไตย
เขาเชื่อฟังและศรัทธาพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์
หนังสือพิมพ์เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง ในสถาบันประชาธิปไตยไม่ใช่หรือ
นักประชาธิปไตยบอกว่า
ไม่ต้องคิดอะไรให้มันยุ่งยากซับซ้อนหรอก อย่าคิดมาก คนประชาธิปไตย เราแค่เป็นคนมีสามัญสำนึก ก็พอ
นอกจากแนวโน้มที่จะชอบความ
“กึ่งรู้”
นักประชาธิปไตยยังนิยมความคิดอ่าน และความสำนึกอย่าง "สามัญ ๆ" อีกด้วย
บทสรุป ของเจ้าของบล็อค
ผู้นำความคิดมาแชร์
ท่านผู้อ่านบางท่าน คงจะไม่เข้าใจผิด ๆ ถูก ๆ
ว่า ผมเป็นคนตั้งข้อสังเกตอันชั่วร้ายนี้ขึ้นเอง นะครับ
เปล่าครับ ความคิดความอ่านที่มีอยู่
ผมก็อปเขามาทั้งนั้น โอเค ผมอาจมี personal template อยู่บ้าง เช่นเดียวกับท่านทั้งหลาย
ที่มีเมตตาติดตามผมมา แต่......
จะไม่ออกตัวเรี่ยราด ข้อสังเกตเรื่องความ เหี้ย
ๆ ของระบอบประชาธิปไตยนี้ ผมลอกเขามา
เพราะฉะนั้น ขอเชิญชวนท่าน ช่วยกันเม้น เพียงขอร้องว่า ท่านที่เห็นคล้อยตาม
แม้สักนิดหนึ่ง ผมขอร้องว่า ท่านอย่าเม้น ผมอ่านข้อความเม้น จากคนที่เห็นคล้อยตาม คิดเหมือนกัน
ไม่เห็นต่าง แล้ว ขออภัย--ง่วงนอน
ดังนั้น ยินดีต้อนรับทุกท่าน ที่เห็นคนละทาง มีความคิดแตกต่าง
เห็นตรงกันข้าม
โปรดแสดงความแตกต่างของท่าน ให้ท่านอื่น ๆ และผมได้ประจักษ์บ้าง
ส่วนถ้อยคำสำนวน ผมไม่รังเกียจสไตล์ใด ๆ ยิ่งด่า ยิ่งหนุก ยิ่งหยาบยิ่งมัน เม้นมาหยาบ ๆ คาย ๆ ยิ่งชอบครับ มันกระตุ้นความรู้สึกทางเพศได้
ยังไม่จบครับ อย่างเพิ่งนึกรังเกียจ พาลจะพลิกผ่าน
จะจบซะแล้ว ยังไม่ได้บอกเลยว่า ความคิดเห็นในทาง “เหี้ย ๆ”
ของระบอบประชาธิปไตยนั้น เจ้าของบล็อก
ผู้คาบข่าวมาเผยแพร่นี้ ไปจำขี้ปากใครมา?
Hmmm.....สักวันหนึ่งหรอก จะแฉ-เอ๊ย-แชร์ ที่นี่.....ว่าเอามาจากไหน
ก่อนจะถึงวันนั้น โปรดทราบไว้ว่า ท่านผู้นั้นเป็นคนดัง
ไม่ใช่มีชื่อเสียงอย่างธรรมดา แต่ว่าท่านดัง ระดับระเบิดเถิดเทิง เปิงมางรำมะนา โนราลิเก.....ขนาดนั้น
คนมีการศึกษาจำนวนมาก ในสหรัฐอเมริกา ล้วนรู้จักท่าน แต่ว่า ท่านไม่ใช่คนอเมริกัน......
วันที่จะแฉ-เอ๊ย-แชร์ (ที่นี่) คือ วันแรม ๘ ค่ำ เดือนหก ปีชวด(ปีนี้) ว่า.....
ท่านผู้นั้น คือ.....................................................
ท่านผู้นั้น คือ.....................................................
แดง ใบเล่
aka เดฟ นาพญา
aka เดฟ นาพญา
aka ปรีชา ทิวะหุต
บ้านนาพญา ต.นาพญา
อ.หลังสวน
จ.ชุมพร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น