--เจ็ดขั้นตอน
แดง ใบเล่
ปกิณกะชีวิต
---------------------------------------------------------------------------------------
บทความเล็ก ๆ ชิ้นนี้ นอกจากจะเสนอวิธีทำเสน่ห์ง่าย ๆ เบื้องต้น
เจ็ดขั้นตอน ไว้เป็นแอปส่วนเสริมให้แก่ชีวิตท่านแล้ว ปริศนาแห่งต้นศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ซึ่งบางท่านอาจข้องใจนึกสงสัยมานาน
ก็จะพลอยปลาศนาการไปด้วย อันได้แก่ปมปรัชญาที่ว่า
คนโลกซวย คือ คนเช่นไร?
---------------------------------------------------------------------------------------
ค้นคว้ามาเขียน
และลองทำเองดูบ้างแล้ว เห็นว่าดี-ใช้ได้ เรียบเรียงแล้วเสร็จในวันอันเป็นมงคล
คือวัน “ปู ระ นา มา บุหลัน ไวสัก”
ภาษาอินโดเนเซีย แปลเป็นไทยว่า “วันเพ็ญเดือนวิสาขะ”
ขั้นตอนของเขาเป็นดังนี้
ขั้นตอนที่หนึ่ง. อย่าตื่นเต้น ตื่นตูม
ดีใจเป็นล้นพ้น ทำวี้ดว้ายกระตู้วู้ที่ได้พบกับผู้ที่จะเป็นเหยื่อเสน่ห์ของเรา อย่าถึงขนาดกรี้ด ๆ อกอีแป้นแตก
ตีอกชกหัวเป็นแขกเจ้าเซ็น ท่านว่าให้สงบสติอารมณ์
หายใจเข้าแบบรู้ตัวว่ากำลังหายใจเข้า และหายใจออกช้า ๆ อย่างรู้ตัวว่ากำลังหายใจออก
อย่าลืมตัว อย่าขาดสติ อีกนัยหนึ่งทำ มินิ
เมดิเตชั่น (mini-meditation)
สักสิบลมหายใจ.....นับเลขในใจไปด้วยนะพี่/เจ๊
ทำแล้ว หัวใจจะเต้นช้าลง เข้าสู้สภาพผ่อนคลาย หายเกร็ง คลายอาการเครียดจัด ความดันเลือดก็จะไม่สูงเกินไป ร่างกายและจิตใจอยู่ในสภาวะสบาย ๆ ตามธรรมชาติ หรือจะใช้เสียงเพลงกล่อมเห่
ที่โหลดไว้ในโทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟน ช่วยกล่อมอารมณ์อีกแรงหนึ่งก็อาจจะดี
ท่านว่า การเตรียมร่างกายและสภาพจิตใจ
ให้สงบระงับ(ความดีใจ)นั้น จะสามารถสื่อสัมพันธ์ทางโทรจิต
ให้เหยื่อเสน่ห์พลอยผ่อนคลาย-หายเกร็งไปกับเราด้วย เหยื่อเสน่ห์จะได้ไม่ตั้งการ์ดเหมือนการ์ดมวยอยู่ตลอดเวลา แล้วในสภาพสบาย ๆ เช่นนี้ ฝ่ายตรงข้าม(เหยื่อเสน่ห์)ก็พร้อมที่จะเปิดใจให้องศากว้างขึ้น
ขยายพิกัดการรองรับมิตรไมตรีจากเรา มิตรสัมพันธ์จะปลูกง่ายขึ้นและพร้อมที่จะงอกงาม เหมือนกับที่เราจะปลูกพืชผัก เขาแนะนำให้แช่เมล็ดพันธุ์ไว้ในน้ำมนต์มหาระรวยสักคืนหนึ่งก่อน
เป็นต้น ไม่ใช่นำไปฝังดินทันที มันจะช็อค-บางทีก็จะโดนมดคาบไปกินเสียก่อน
ขั้นตอนที่สอง. อย่าลืมใช้ภาษากายให้เป็น แต่ไม่ใช่เล่นหูเล่นตา-นั่นมันพวกทำงานบาร์เบียตามชายหาดแล้วล่ะพี่/เจ๊ ภาษากายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย
และไม่รุกรานคุกคามหรือจู่โจมเหยื่อเสน่ห์ให้สะดุ้งตกใจ คือ ยิ้ม...
แต่ต้องยิ้มก่อนพูด อย่าพูดก่อนแล้วค่อยยิ้มตามหลัง-บ้าเปล่า
จะมีผลติดลบ ประเด็นนี้ผู้เขียนเคยสังเกตคนที่มีเสน่ห์
อย่างเช่นพวกแอร์โฮสเตส เห็นเธอยิ้มก่อนพูดกับผู้โดยสาร ทำให้พวกเขาลืมกลัวเครื่องบินตกไปได้ชั่วขณะ ผิดกับเวลาผู้เขียนนั่งรถไฟด่วนพิเศษที่เรียกว่ารถสปริ้นเตอร์ พวกโฮสเตสบนรถสปริ้นเตอร์ไม่เห็นยิ้มกับผู้โดยสารเลย ทำให้พวกเธอขาดเสน่ห์
ผู้เขียนเคยมีกิจธุระต้องติดต่อกับนักธุรกิจขนาดย่อมผู้หนึ่ง แกเป็นแปลก คือ
พูดประเด็นกิจธุระประเด็นหนึ่งจบลง-แล้วแกก็ยิ้มกับผู้เขียน พอทำซีเรียสพูดต่อได้อีกประเด็นหนึ่ง แกก็แสยะยิ้มออกมาอีกทีหนึ่ง
เมื่อแกทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ หลายครั้งเข้า ผู้เขียนก็นึกในใจอย่าง
ไม่สุภาพ ว่า บ้าเปล่า-ไอ้นี่มันอยากได้ตีนรึงัย
แม้จะไม่เล่นหูเล่นตา แต่ต้องรู้จักใช้ตา
ท่านว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ
ท่านให้รู้จักสบตาเหยื่อเสน่ห์สักครั้งหนึ่งเพียงชั่ววินาที
อย่าจ้องนาน-แต่สบตาให้ได้สักเสี้ยววินาที
ตาไม่เจอกันท่านว่า ใจไม่มีวันจะได้พบกัน
การถูกเนื้อถูกตัว ไม่ใช่เรื่องเลว ถ้ารู้จักทำจะเป็นเรื่องดี แต่จะทำอย่างไรไม่ให้เป็นการล่วงเกิน
หรือทะลึ่ง เคยเห็นบางคนเขาใช้มือ-ใช้นิ้วไปแตะแขนกันนิด
ๆ แต่ไม่ใช่เอาเล็บไปสะกิด การถูกเนื้อต้องตัวเป็นเสน่ห์ที่ทำยาก
บางคนเขาเชี่ยวชาญ เขาทำเป็นอุบัติเหตุ
แบบว่าบังเอิญมือไม้เนื้อตัวมันไปโดนกันเอง เป็นต้น หากคนมีใจต่อกันอยู่บ้างแล้ว
ก็จะจดจำอุบัติเหตุครั้งนั้นไปได้หลายวัน จนกว่าเขา/เธอจะได้พบคนมีเสน่ห์คนต่อไป
ที่เสน่ห์แรงกว่าท่านผู้อ่าน
ขั้นตอนที่สาม. ขี้เล่นเล็ก ๆ แต่ไม่ใช่เล่นอุจจาระ ไม่ใช่เล่นไม่รู้จักกาลเทศะ-แบบนั้นให้ไปไกล
ๆ เลย ขี้เล่นเล็ก ๆ หมายความว่า ให้รู้จักยิ้มหัว
รู้จักหยอก รู้จักการสัมผัส รู้จักเกี้ยว เพื่อจะเกี่ยวกันไว้แบบเล็ก ๆ ก่อน
ในที่นี้หมายความว่า ไม่ทำท่าซีเครียดเอาจริงเอาจัง จริงจังไปหมด
กูจริงใจแม่งทุกคำพูด กูเป็นการเป็นงานทุกขณะจิต
เพราะว่ากูมันเป็นคน “โลกซวย”
อย่าลืมว่าสภาพชีวิตคนยุคนี้หลาย ๆ คน เขาเครียดกันอยู่แล้ว ถ้าอยากจะมีเสน่ห์จะต้องรู้จักทำตัวให้สนุกสนานมีชีวิตชีวาพอสมควร
เป็นธรรมชาติที่ปล่อยวาง ทำให้คนอื่นพลอยหายเกร็งไปด้วย เมื่อนั้นเหยื่อเสน่ห์จึงจะอยากเข้าใกล้
หรืออนุญาตให้เราเข้าใกล้
โดยอัตโนมัติ คนที่มีทัศนคติขี้เล่นเล็ก ๆ
จะช่วยให้ตัวเขาแลดูมีเสน่ห์
แล้วอีกอย่างหนึ่งซึ่งสำคัญและซ่อนเร้นอยู่ก็คือ ความขี้เล่นแต่พองาม ส่อว่า
เขาเป็นคนไม่ก้าวร้าว ไม่คุกคามผู้ใด ความขี้เล่นเล็ก
ๆ ส่อว่า เขาเป็นคนรักสันติและรักสงบ
ด้งนั้น การเป็นคนมีอารมณ์ขันก็เข้ามาสอดตรงนี้ คนอังกฤษเขาถือว่าคนไม่มีอารมณ์ขันไม่ใช่คนด้วยซ้ำ แต่กับอารมณ์ขันก็จะต้องระวัง ไม่ใช่ขำอยู่ลำพังคนเดียวในที่สาธารณะ
ผู้เขียนเคยฟังสตรีผู้หนึ่ง เล่าเรื่องที่เธอเห็นว่าตลก ที่โต๊ะอาหารซึ่งรับประทานร่วมกันเป็นคณะ
ในเมืองตจว.จังหวัดหนึ่ง เธอเล่าว่า ชายผู้หนึ่งปีนขึ้นเสาไฟฟ้าแรงสูงริมถนนหน้าบ้านเธอ
แล้วโดนไฟฟ้าช็อต เมื่อเจ้าหน้าที่ขึ้นไปช่วยนำร่างเขาลงมาถึงพื้น
เขายังมีสติพูดออกมาว่า นี่ผมเป็นอะไรไป เสื้อผ้าของเขาไหม้หมดทั้งตัว
ขนาดขนในที่ลับยังควันขึ้น.....เธอเน้น
เธอเล่าไปหัวเราะไป-เธอขัน แต่ขำอย่างว้าเหว่ อย่างโดดเดี่ยว
ขำวังเวงอยู่คนเดียวในท่ามกลางผู้คนทั้งหลาย ที่พากันยิ้มเจื่อน ๆ
ขั้นตอนที่สี่. อย่าออกอาการว่า ชีวิตฉันจำเป็นต้องได้รับมิตรภาพจากคุณ/เธอ ม่ายงั้นฉันตายแน่ อาการขาดแคลนหรือหิวกระหายมิตรไมตรี เป็นของแสลงต่อความมีเสน่ห์ ที่ไหนส่อความขาด ที่ไหนหิวกระหาย-ที่นั่นไร้เสน่ห์
ยิ่งขาดมากเท่าไรจะยิ่งไม่น่าคบมากขึ้นเท่านั้น
บรรยากาศแห่งความพร่อง โห...ฉันเหงา จำเป็นเหลือเกินที่จะได้รับมิตรไมตรี
จากสิ่งมีชีวิตที่ผ่านเข้ามา ทำให้แรงกดอากาศบริเวณนั้นสูง น่าอึดอัดสำหรับผู้ผ่านเข้าไปหรือผู้เฉียดใกล้
เขาจะสะดุ้ง
เพราะฉะนั้น โปรดรักษาความเป็นอิสระตัวเบาสบาย
ในสภาวะธรรมดาธรรมชาติเอาไว้ อีกอย่างหนึ่งให้รู้จักคิดทำอะไรเชิงบวก
ที่อีกฝ่ายหนึ่งคาดไม่ถึงว่าจะทำ เช่น ไปเรียนภาษาบาลีธุรกิจ หรือสันสกฤตเพื่อการท่องเที่ยว
เป็นต้น ปล่อยให้เหยื่อเสน่ห์นึกคาดเดาต่าง
ๆ นานาว่า แล้วขั้นตอนต่อไปของเรา จะเป็นอย่างไร น่ากลัวตาคนนี้แกคงจะจัดทัวร์พระ/ชีไปพุทธคยา
หรือบุโรบูดูร์แหงเลย อะไรประมาณนั้น นี่เป็นเสน่ห์
ปรับโลกทัศน์เสียใหม่ มองทางชีวิตให้ยาวขึ้นอีกนิด
อย่าคิดสั้น ๆ ให้บอกตัวเองว่า
แล้วความต้องการและความปรารถนาของเรา จะได้รับการตอบสนองในวันข้างหน้า...หว่านพืชลงไปแล้วหวังจะให้งอกขึ้นมาในว้นรุ่งพรุ่งนี้
คงจะผิดธรรมชาติ ยกเว้นใช้เมล็ดพันธุ์ผีสิง
และโบราณท่านว่าให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน
ภาษิตนี้เมื่อปรับใช้กับเรื่องเสน่ห์ จะปรับได้ง่ายมาก คนที่ไม่รู้จักอด ไม่รู้จักออม ไม่รู้จักถนอม
จะเป็นคนมีเสน่ห์ไปได้ยากมาก
นั่นมันพวกลูกค้าฟ้าสฟูดแล้วล่ะพี่
และ มีข้อเท็จจริงแห่งชีวิตอีกบางอย่างที่เราต้องยอมรับ คือว่า
เอาเข้าจริง ๆ ใช่ว่าเราจะทำเสน่ห์ได้กับคนทุกคน
ผู้รู้ท่านว่า-มีคนบางคนที่เขาจะไม่มีวันต้องมนต์เสน่ห์ของเรา
สำหรับพวกตาไม่ถึงและคนตาถั่วเหล่านั้น ท่านผู้อ่านจงปล่อยมันไป อย่าไปเสียเวลากะมัน
ขั้นตอนที่ห้า. อย่ารับนัดทุกนัดโดยไม่มีติดขัด อย่าทำตัวเป็นคนว่าง
ๆ เป็นถนนที่ไร้การสัญจร คนเราจะชอบคบคนที่ชีวิตเขามีกิจกรรม
เขาต้องทำนั่นทำนี่ ไปโน่นไปนู่น ไม่ใช่นอนอืดถืดอยู่กับที่ ไม่มีอะไรทำ ไร้กิจธุระ
ขณะเดียวกัน
ก็ไม่ต้องตอแหลพร่ำให้เขาฟังซ้ำ ๆ ซาก ๆ ว่า ฉันไม่ว๊าง-ไม่ว่าง เพียงแต่ว่าเวลาขอนัดกัน เราจะแสดงให้อีกฝ่ายทราบถึงความไม่ว่างของเรา
ด้วยการขอเลื่อนวัน/เวลา/สถานที่นัด หรือมีการติดขัดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เนี่ยะกะลังเป็นหวัดเพราะเพิ่งกลับจากเกาะปันหยี
หรือเกาะสุลาเวซี สลาตัน หรือดอยเต่า หรือภูกระดึง หรืออะไรประมาณนั้น ถ้านึกอะไรไม่ออก ให้บอกไปว่าเพิ่งกลับจากตลาดสวนจตุจักร
หรือสนามหลวงสอง หรือ farmers’
market ชานเมือง
สาธกยกแสดงให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบตามข้อเท็จจริง(-ที่อาจจินตนาการขึ้นมา)
ไม่ใช่สักแต่พร่ำพูดว่า ฉันไม่ว๊าง-ไม่ว่าง
ถึงแม้ว่าชีวิตเรากะลังนั้น
เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวสิ้นดี เราก็ต้องบอกให้เหยื่อเสน่ห์รู้ว่าวันที่ขอนัดมานั้น
บังเอิญต้องไปรับญาติที่มาจากต่างจังหวัด หรือจากต่างประเทศ หรือเราต้องไปช่วยเพื่อนขายกะปิ
หรือมังคุดกวน หรือไปกรีดยาง หรือไปตัดปาล์ม หรือไปรุนเคยริมทะเล หรือต้องไปช่วยเพื่อนออกเรือไปตกปลาหมึกในทะเล
หรือจับปลาบึกในแม่น้ำโขง หรือจะต้องเดินทางไปจองซื้อคอนโดที่ภูเก็ต หรือซื้อที่หาดริเวียรา
เซ้าท์ ออฟ ฟร้านซ์(ทางใต้ของฝรั่งเศส) เป็นต้น
เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ช่วยให้ชีวิตสังคมของเราฟังดูมีชีวิตชีวา มีเสน่ห์
ใคร ๆ ก็ชอบที่จะขอแบ่งปันเวลา จากคนที่เวลามีค่า.....
ขั้นตอนที่หก. อย่าเปิดตัวออกอ้าซ่า โล่งโจ้ง เสียทีเดียว คนที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยบางแห่งและบางวิชา
เวลาสอบเขาใช้วิธีสอบแบบเปิดตำราได้ เรียกว่า open-book exam
การคบคนก็เหมือนกัน บางทีเราคบคนแบบ open-book คือเราเปิดตัวโล่งโจ้งเป็นห้องโถง เพราะเราอาจจะคิดว่า ความจริงมันก็ต้องเป็นความจริงวันยังค่ำ
เปิดไปเลยดีกว่าที่จะทำเป็นลักกะปิดลักกะเปิด หรือเปิดไปเลยดีกว่าที่จะให้เขารู้ทีหลัง เดี๋ยวมันจะไม่งาม
เช่น เคยมีแฟนมีกิ้กมากี่คนก็บอกไปเลย ให้เบอร์ไลน์ไปด้วย อะไรประมาณนั้น
ลองนึกดูสักนิด เราจะไม่ดูถูกดูหมิ่นจินตนาการของเหยื่อเสน่ห์มากไปหน่อยหรือ? ไม่เหลืออะไรไว้ให้เขา/เธอได้ฝึกสมองลองคิดดูเล่น
ๆ บ้างเลยรึงัย?
ครูที่ท่านเป็นหมอเสน่ห์ บอกผู้เขียนซึ่งเป็นคนไม่มีเสน่ห์ ว่า
การสร้างเสน่ห์ไม่มีการสอบ ไม่ว่าจะสอบแบบ open-book หรือไม่ใช่ เสน่ห์เป็นวิถีชีวิตชนิดหนึ่ง
เสน่ห์เป็นสภาพการดำรงชีวิตของคนมีเสน่ห์
เราคงจะแบ่งปันทุกเรื่องกับผู้อื่นไม่ได้ เรื่องที่ปันกันได้ก็ปันกันไป
เรื่องที่ไม่อยากจะปันก็อย่าปัน
ความลึกลับเล็ก ๆ เป็นส่วนหนึ่งของความมีเสน่ห์ ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่า ยังไม่เห็นท่านผู้อ่านหมดทั้งตัว...ซึ่งเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของท่าน
ให้เขาเห็นภาพรวมก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นถ่ายภาพพิกเซลสูง
ๆ ชนิดเห็นชัดทุกรูขุมขน มันชัดเจนจริงจังเกินไป แสลงเสน่ห์ เพราะเสน่ห์-ในบางครั้ง-จะต้องเบลอร์ ๆ
ขั้นตอนที่เจ็ด. รู้จักที่จะมีน้ำอดน้ำทน เมื่อได้ทำหมดทุกอย่างเท่าที่รู้จักจะทำมาหกขั้นตอนแล้ว ทีนี้ก็ถึงตอน.....รอผล ไม่ใช่ร้อนรน ตะแบงส่งข้อความเซ้าซี้(ตื้อ)อยู่นั่นแล้ว-น่ารำคาญรู้เปล่า และความน่ารำคาญก็เป็นของแสลงอีกอย่างหนึ่งสำหรับเสน่ห์ ที่ไหนมีความน่ารำคาญ ที่นั่นสงัดเสน่ห์
ท่านว่า ความปรารถนาของเราที่มีต่อเหยื่อเสน่ห์อาจจะกำลังเข้ม
แต่ความปรารถนาของอีกฝ่ายหนึ่งที่มีต่อเราอาจจะเพิ่งก่อกำเนิด เราจะต้องรู้จักรอให้มันเจริญเติบโตและงอกงาม เรื่องนี้ต้องการเวลา เราต้องรู้จักรอเวลาเพื่อให้ผู้ที่กำลังต้องมนต์เสน่ห์ได้รู้ว่า
เราวิเศษเลอเลิศสะระแมนแต็นปานใด ท่านว่า ถ้าใครไม่รู้จักร้องเพลงรอ
ผู้นั้นจะสร้างเสน่ห์โน้มน้าวผู้อื่นได้ยาก
มองมาจากอีกฝ่ายหนึ่ง
สมมติว่าเราเป็นฝ่ายโน้นบ้าง เราย่อมอยากเข้าหาคนที่เรารู้สึกว่าเข้าใกล้แล้วสบายใจไม่อึดอัด เรารู้สึกผ่อนคลาย ชื่นมื่น ที่จะอยู่ใกล้ เราอยากไปยิ้มด้วยและหัวเราะด้วยกับเขา แม้ว่า-เขาดูเหมือนจะอยู่สุดปลายเอื้อมของเราเล็กน้อยก็ตาม ท่านว่า สภาพสุดปลายมือ คือสภาพอันเป็นธรรมดาธรรมชาติของเสน่ห์มนุษย์ จำไว้นะ-เสน่ห์มันจะอยู่สุดปลายมือไปนิดนึงเสมอ
ท้ายที่สุด เรื่องสร้างมนต์เสน่ห์นี้ แม้ท่านผู้อ่านจะสามารถค้นคว้าหาได้ทั่วไป
ไม่ใช่เรื่องลึกลับ แต่ผู้เขียนก็หวังว่าบทความชิ้นนี้ที่ผู้เขียนค้นคว้าเรียบเรียงมา
อาจช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาให้กับท่านได้บ้าง และขอส่งความปรารถนาดี ขอให้ทุก ๆ ท่าน-รวมทั้งตัวผู้เขียนเองด้วย
โชคดีมีเสน่ห์ในปีนี้และปีต่อ ๆ ไปข้างหน้า
อย่างไรก็ดี ก่อนจะจบเรื่องการสร้างเสน่ห์ เราจะละเลย
มองข้าม เรื่องของ คนโลกซวย มนุษย์แห่งศตวรรษใหม่ ไปได้อย่างไรกัน เพื่อประหยัดเวลาและพลังงานโลก
เพื่อท่านผู้อ่านและตัวผู้เขียนเอง ไม่ต้องเขียน/อ่านบทความอีกบทหนึ่งเรื่องของ พวกโลกซวย
เป็นการเฉพาะ ผู้เขียนขออนุญาตท่านผู้อ่าน
เขียนเกี่ยวกับพวกโลกซวยเสียในคราวเดียว ดังต่อไปนี้
พวกโลกซวย ได้แก่
คนที่มีคุณสมบัติเจ็ดประการตรงข้ามกับคนมีเสน่ห์ ดังที่เราได้อภิปรายกันมาแล้ว หนึ่ง.คนโลกซวยคือคนออกอาการเครียดจัด วี้ดว้ายกระตู้วู้
ร้องกรี้ด ๆ และตีอกชกหัว เมื่อได้พบเห็นบุคคลที่ตนคิดว่า น่ารัก น่าปรารถนา สอง.ชาวโลกซวยคือคนที่ใช้ภาษากายไม่เป็น
เล่นหูเล่นตาเว่อ ๆ พูดก่อนแล้วค่อยแสยะยิ้มทีหลัง สาม.คนโลกซวยคือคนที่ชอบ(ขออภัย...)ชอบเล่นขี้
และมีอารมณ์ขันชนิด bad
taste สี่.พวกโลกซวยคือคนที่สร้างความกดดันต่อผู้ที่ตนปรารถนา
ด้วยการออกอาการว่า ฉันขาดเธอไม่ได้ ห้า.ชาวโลกซวยคือคนที่รับนัดทันที
ไม่มีติดขัด หก.คนโลกซวยคือคนที่อ้าซ่าและโล่งโจ้ง
เขา/เธอไม่มีอะไร ไว้ให้ใครมาค้นพบอะไรอีกต่อไปแล้ว เจ็ด.พวกโลกซวยคือคนที่ชอบเซ้าซี้
ไม่มีน้ำอดน้ำทน
ยังครับ-สำหรับคนมีเสน่ห์ ถ้าหากว่าเขาเผลอไผล แสดงกิริยาส่อรสนิยมเลว
อันผุดขึ้นจากสันดานลึก ๆ อีกนัยหนึ่ง มีความประพฤติชนิด
bad taste ขึ้นมา ผู้คนทั้งหลายจะพากันแซ่ซ้อง
ร้องสรรเสริญขึ้นพร้อม ๆ กันว่า—
Wow!
Bad taste is the best!
ในทางกลับตาลปัตรกัน คนโลกซวยบางครั้งอุตส่าห์แสดงออกซึ่งรสนิยมดี๊-ดี แต่พอผู้คนพบเห็นเข้า คนทั้งหลายพากันแบะปาก
พลางร้องบอกแก่กันว่า—
ทุเรศ ดูมันทำ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น