open letter no 2

Chicago 2 why Chicago

Chicago 2 ทำไม ผมต้องดัดจริต ฟังวิทยุชิคาโก ด้วย? ๑.    ผมติดนิสัยชอบฟังวิทยุตปท. จากแดนไกลเป็นนิสัยมาแต่มัธยม เพื่อฝึกภาษา ประกอบกับมีผู...

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วิธีทำเสน่ห์ง่าย ๆ เบื้องต้น

--เจ็ดขั้นตอน

แดง ใบเล่
ปกิณกะชีวิต
         ---------------------------------------------------------------------------------------
บทความเล็ก ๆ ชิ้นนี้  นอกจากจะเสนอวิธีทำเสน่ห์ง่าย ๆ เบื้องต้น เจ็ดขั้นตอน ไว้เป็นแอปส่วนเสริมให้แก่ชีวิตท่านแล้ว  ปริศนาแห่งต้นศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ซึ่งบางท่านอาจข้องใจนึกสงสัยมานาน ก็จะพลอยปลาศนาการไปด้วย อันได้แก่ปมปรัชญาที่ว่า   
คนโลกซวย คือ คนเช่นไร?
         ---------------------------------------------------------------------------------------

         ค้นคว้ามาเขียน และลองทำเองดูบ้างแล้ว เห็นว่าดี-ใช้ได้  เรียบเรียงแล้วเสร็จในวันอันเป็นมงคล คือวัน “ปู ระ นา มา  บุหลัน ไวสัก” ภาษาอินโดเนเซีย แปลเป็นไทยว่า    “วันเพ็ญเดือนวิสาขะ” ขั้นตอนของเขาเป็นดังนี้

           ขั้นตอนที่หนึ่ง. อย่าตื่นเต้น ตื่นตูม ดีใจเป็นล้นพ้น ทำวี้ดว้ายกระตู้วู้ที่ได้พบกับผู้ที่จะเป็นเหยื่อเสน่ห์ของเรา  อย่าถึงขนาดกรี้ด ๆ อกอีแป้นแตก ตีอกชกหัวเป็นแขกเจ้าเซ็น  ท่านว่าให้สงบสติอารมณ์ หายใจเข้าแบบรู้ตัวว่ากำลังหายใจเข้า และหายใจออกช้า ๆ อย่างรู้ตัวว่ากำลังหายใจออก อย่าลืมตัว อย่าขาดสติ  อีกนัยหนึ่งทำ มินิ เมดิเตชั่น (mini-meditation) สักสิบลมหายใจ.....นับเลขในใจไปด้วยนะพี่/เจ๊


           ทำแล้ว หัวใจจะเต้นช้าลง  เข้าสู้สภาพผ่อนคลาย หายเกร็ง คลายอาการเครียดจัด  ความดันเลือดก็จะไม่สูงเกินไป  ร่างกายและจิตใจอยู่ในสภาวะสบาย ๆ ตามธรรมชาติ หรือจะใช้เสียงเพลงกล่อมเห่ ที่โหลดไว้ในโทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟน ช่วยกล่อมอารมณ์อีกแรงหนึ่งก็อาจจะดี

           ท่านว่า การเตรียมร่างกายและสภาพจิตใจ ให้สงบระงับ(ความดีใจ)นั้น จะสามารถสื่อสัมพันธ์ทางโทรจิต ให้เหยื่อเสน่ห์พลอยผ่อนคลาย-หายเกร็งไปกับเราด้วย  เหยื่อเสน่ห์จะได้ไม่ตั้งการ์ดเหมือนการ์ดมวยอยู่ตลอดเวลา  แล้วในสภาพสบาย ๆ เช่นนี้ ฝ่ายตรงข้าม(เหยื่อเสน่ห์)ก็พร้อมที่จะเปิดใจให้องศากว้างขึ้น ขยายพิกัดการรองรับมิตรไมตรีจากเรา  มิตรสัมพันธ์จะปลูกง่ายขึ้นและพร้อมที่จะงอกงาม  เหมือนกับที่เราจะปลูกพืชผัก เขาแนะนำให้แช่เมล็ดพันธุ์ไว้ในน้ำมนต์มหาระรวยสักคืนหนึ่งก่อน เป็นต้น  ไม่ใช่นำไปฝังดินทันที มันจะช็อค-บางทีก็จะโดนมดคาบไปกินเสียก่อน

           ขั้นตอนที่สอง. อย่าลืมใช้ภาษากายให้เป็น แต่ไม่ใช่เล่นหูเล่นตา-นั่นมันพวกทำงานบาร์เบียตามชายหาดแล้วล่ะพี่/เจ๊  ภาษากายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย และไม่รุกรานคุกคามหรือจู่โจมเหยื่อเสน่ห์ให้สะดุ้งตกใจ คือ ยิ้ม...

           แต่ต้องยิ้มก่อนพูด อย่าพูดก่อนแล้วค่อยยิ้มตามหลัง-บ้าเปล่า จะมีผลติดลบ  ประเด็นนี้ผู้เขียนเคยสังเกตคนที่มีเสน่ห์ อย่างเช่นพวกแอร์โฮสเตส เห็นเธอยิ้มก่อนพูดกับผู้โดยสาร ทำให้พวกเขาลืมกลัวเครื่องบินตกไปได้ชั่วขณะ  ผิดกับเวลาผู้เขียนนั่งรถไฟด่วนพิเศษที่เรียกว่ารถสปริ้นเตอร์  พวกโฮสเตสบนรถสปริ้นเตอร์ไม่เห็นยิ้มกับผู้โดยสารเลย  ทำให้พวกเธอขาดเสน่ห์

           ผู้เขียนเคยมีกิจธุระต้องติดต่อกับนักธุรกิจขนาดย่อมผู้หนึ่ง  แกเป็นแปลก คือ พูดประเด็นกิจธุระประเด็นหนึ่งจบลง-แล้วแกก็ยิ้มกับผู้เขียน  พอทำซีเรียสพูดต่อได้อีกประเด็นหนึ่ง แกก็แสยะยิ้มออกมาอีกทีหนึ่ง  เมื่อแกทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ หลายครั้งเข้า ผู้เขียนก็นึกในใจอย่าง ไม่สุภาพ  ว่า บ้าเปล่า-ไอ้นี่มันอยากได้ตีนรึงัย

           แม้จะไม่เล่นหูเล่นตา แต่ต้องรู้จักใช้ตา ท่านว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ  ท่านให้รู้จักสบตาเหยื่อเสน่ห์สักครั้งหนึ่งเพียงชั่ววินาที อย่าจ้องนาน-แต่สบตาให้ได้สักเสี้ยววินาที  ตาไม่เจอกันท่านว่า ใจไม่มีวันจะได้พบกัน

           การถูกเนื้อถูกตัว ไม่ใช่เรื่องเลว ถ้ารู้จักทำจะเป็นเรื่องดี  แต่จะทำอย่างไรไม่ให้เป็นการล่วงเกิน หรือทะลึ่ง  เคยเห็นบางคนเขาใช้มือ-ใช้นิ้วไปแตะแขนกันนิด ๆ แต่ไม่ใช่เอาเล็บไปสะกิด  การถูกเนื้อต้องตัวเป็นเสน่ห์ที่ทำยาก  บางคนเขาเชี่ยวชาญ เขาทำเป็นอุบัติเหตุ แบบว่าบังเอิญมือไม้เนื้อตัวมันไปโดนกันเอง เป็นต้น  หากคนมีใจต่อกันอยู่บ้างแล้ว ก็จะจดจำอุบัติเหตุครั้งนั้นไปได้หลายวัน จนกว่าเขา/เธอจะได้พบคนมีเสน่ห์คนต่อไป ที่เสน่ห์แรงกว่าท่านผู้อ่าน

           ขั้นตอนที่สาม. ขี้เล่นเล็ก ๆ แต่ไม่ใช่เล่นอุจจาระ ไม่ใช่เล่นไม่รู้จักกาลเทศะ-แบบนั้นให้ไปไกล ๆ เลย  ขี้เล่นเล็ก ๆ หมายความว่า ให้รู้จักยิ้มหัว รู้จักหยอก รู้จักการสัมผัส รู้จักเกี้ยว เพื่อจะเกี่ยวกันไว้แบบเล็ก ๆ ก่อน

           ในที่นี้หมายความว่า ไม่ทำท่าซีเครียดเอาจริงเอาจัง จริงจังไปหมด  กูจริงใจแม่งทุกคำพูด กูเป็นการเป็นงานทุกขณะจิต เพราะว่ากูมันเป็นคน “โลกซวย”  อย่าลืมว่าสภาพชีวิตคนยุคนี้หลาย ๆ คน เขาเครียดกันอยู่แล้ว  ถ้าอยากจะมีเสน่ห์จะต้องรู้จักทำตัวให้สนุกสนานมีชีวิตชีวาพอสมควร เป็นธรรมชาติที่ปล่อยวาง ทำให้คนอื่นพลอยหายเกร็งไปด้วย  เมื่อนั้นเหยื่อเสน่ห์จึงจะอยากเข้าใกล้ หรืออนุญาตให้เราเข้าใกล้

           โดยอัตโนมัติ คนที่มีทัศนคติขี้เล่นเล็ก ๆ จะช่วยให้ตัวเขาแลดูมีเสน่ห์  แล้วอีกอย่างหนึ่งซึ่งสำคัญและซ่อนเร้นอยู่ก็คือ ความขี้เล่นแต่พองาม ส่อว่า เขาเป็นคนไม่ก้าวร้าว ไม่คุกคามผู้ใด  ความขี้เล่นเล็ก ๆ ส่อว่า เขาเป็นคนรักสันติและรักสงบ

           ด้งนั้น การเป็นคนมีอารมณ์ขันก็เข้ามาสอดตรงนี้  คนอังกฤษเขาถือว่าคนไม่มีอารมณ์ขันไม่ใช่คนด้วยซ้ำ  แต่กับอารมณ์ขันก็จะต้องระวัง ไม่ใช่ขำอยู่ลำพังคนเดียวในที่สาธารณะ ผู้เขียนเคยฟังสตรีผู้หนึ่ง เล่าเรื่องที่เธอเห็นว่าตลก ที่โต๊ะอาหารซึ่งรับประทานร่วมกันเป็นคณะ ในเมืองตจว.จังหวัดหนึ่ง  เธอเล่าว่า ชายผู้หนึ่งปีนขึ้นเสาไฟฟ้าแรงสูงริมถนนหน้าบ้านเธอ แล้วโดนไฟฟ้าช็อต  เมื่อเจ้าหน้าที่ขึ้นไปช่วยนำร่างเขาลงมาถึงพื้น เขายังมีสติพูดออกมาว่า นี่ผมเป็นอะไรไป  เสื้อผ้าของเขาไหม้หมดทั้งตัว ขนาดขนในที่ลับยังควันขึ้น.....เธอเน้น    

           เธอเล่าไปหัวเราะไป-เธอขัน แต่ขำอย่างว้าเหว่ อย่างโดดเดี่ยว ขำวังเวงอยู่คนเดียวในท่ามกลางผู้คนทั้งหลาย ที่พากันยิ้มเจื่อน ๆ

           ขั้นตอนที่สี่. อย่าออกอาการว่า ชีวิตฉันจำเป็นต้องได้รับมิตรภาพจากคุณ/เธอ  ม่ายงั้นฉันตายแน่  อาการขาดแคลนหรือหิวกระหายมิตรไมตรี เป็นของแสลงต่อความมีเสน่ห์  ที่ไหนส่อความขาด ที่ไหนหิวกระหาย-ที่นั่นไร้เสน่ห์  ยิ่งขาดมากเท่าไรจะยิ่งไม่น่าคบมากขึ้นเท่านั้น

           บรรยากาศแห่งความพร่อง โห...ฉันเหงา จำเป็นเหลือเกินที่จะได้รับมิตรไมตรี จากสิ่งมีชีวิตที่ผ่านเข้ามา ทำให้แรงกดอากาศบริเวณนั้นสูง  น่าอึดอัดสำหรับผู้ผ่านเข้าไปหรือผู้เฉียดใกล้ เขาจะสะดุ้ง

           เพราะฉะนั้น โปรดรักษาความเป็นอิสระตัวเบาสบาย ในสภาวะธรรมดาธรรมชาติเอาไว้  อีกอย่างหนึ่งให้รู้จักคิดทำอะไรเชิงบวก ที่อีกฝ่ายหนึ่งคาดไม่ถึงว่าจะทำ เช่น ไปเรียนภาษาบาลีธุรกิจ หรือสันสกฤตเพื่อการท่องเที่ยว เป็นต้น  ปล่อยให้เหยื่อเสน่ห์นึกคาดเดาต่าง ๆ นานาว่า แล้วขั้นตอนต่อไปของเรา จะเป็นอย่างไร น่ากลัวตาคนนี้แกคงจะจัดทัวร์พระ/ชีไปพุทธคยา หรือบุโรบูดูร์แหงเลย อะไรประมาณนั้น  นี่เป็นเสน่ห์

           ปรับโลกทัศน์เสียใหม่ มองทางชีวิตให้ยาวขึ้นอีกนิด อย่าคิดสั้น ๆ  ให้บอกตัวเองว่า แล้วความต้องการและความปรารถนาของเรา จะได้รับการตอบสนองในวันข้างหน้า...หว่านพืชลงไปแล้วหวังจะให้งอกขึ้นมาในว้นรุ่งพรุ่งนี้ คงจะผิดธรรมชาติ ยกเว้นใช้เมล็ดพันธุ์ผีสิง  และโบราณท่านว่าให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน  ภาษิตนี้เมื่อปรับใช้กับเรื่องเสน่ห์ จะปรับได้ง่ายมาก  คนที่ไม่รู้จักอด ไม่รู้จักออม ไม่รู้จักถนอม จะเป็นคนมีเสน่ห์ไปได้ยากมาก  นั่นมันพวกลูกค้าฟ้าสฟูดแล้วล่ะพี่

           และ มีข้อเท็จจริงแห่งชีวิตอีกบางอย่างที่เราต้องยอมรับ คือว่า เอาเข้าจริง ๆ ใช่ว่าเราจะทำเสน่ห์ได้กับคนทุกคน  ผู้รู้ท่านว่า-มีคนบางคนที่เขาจะไม่มีวันต้องมนต์เสน่ห์ของเรา  สำหรับพวกตาไม่ถึงและคนตาถั่วเหล่านั้น  ท่านผู้อ่านจงปล่อยมันไป อย่าไปเสียเวลากะมัน

           ขั้นตอนที่ห้า. อย่ารับนัดทุกนัดโดยไม่มีติดขัด อย่าทำตัวเป็นคนว่าง ๆ เป็นถนนที่ไร้การสัญจร  คนเราจะชอบคบคนที่ชีวิตเขามีกิจกรรม เขาต้องทำนั่นทำนี่ ไปโน่นไปนู่น ไม่ใช่นอนอืดถืดอยู่กับที่ ไม่มีอะไรทำ ไร้กิจธุระ

           ขณะเดียวกัน ก็ไม่ต้องตอแหลพร่ำให้เขาฟังซ้ำ ๆ ซาก ๆ ว่า ฉันไม่ว๊าง-ไม่ว่าง  เพียงแต่ว่าเวลาขอนัดกัน เราจะแสดงให้อีกฝ่ายทราบถึงความไม่ว่างของเรา ด้วยการขอเลื่อนวัน/เวลา/สถานที่นัด หรือมีการติดขัดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เนี่ยะกะลังเป็นหวัดเพราะเพิ่งกลับจากเกาะปันหยี หรือเกาะสุลาเวซี สลาตัน หรือดอยเต่า หรือภูกระดึง หรืออะไรประมาณนั้น  ถ้านึกอะไรไม่ออก ให้บอกไปว่าเพิ่งกลับจากตลาดสวนจตุจักร หรือสนามหลวงสอง หรือ farmers’ market ชานเมือง

           สาธกยกแสดงให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบตามข้อเท็จจริง(-ที่อาจจินตนาการขึ้นมา) ไม่ใช่สักแต่พร่ำพูดว่า ฉันไม่ว๊าง-ไม่ว่าง  

           ถึงแม้ว่าชีวิตเรากะลังนั้น เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวสิ้นดี  เราก็ต้องบอกให้เหยื่อเสน่ห์รู้ว่าวันที่ขอนัดมานั้น บังเอิญต้องไปรับญาติที่มาจากต่างจังหวัด หรือจากต่างประเทศ หรือเราต้องไปช่วยเพื่อนขายกะปิ หรือมังคุดกวน หรือไปกรีดยาง หรือไปตัดปาล์ม หรือไปรุนเคยริมทะเล หรือต้องไปช่วยเพื่อนออกเรือไปตกปลาหมึกในทะเล หรือจับปลาบึกในแม่น้ำโขง หรือจะต้องเดินทางไปจองซื้อคอนโดที่ภูเก็ต หรือซื้อที่หาดริเวียรา เซ้าท์ ออฟ ฟร้านซ์(ทางใต้ของฝรั่งเศส) เป็นต้น  เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ช่วยให้ชีวิตสังคมของเราฟังดูมีชีวิตชีวา มีเสน่ห์
          
           ใคร ๆ ก็ชอบที่จะขอแบ่งปันเวลา จากคนที่เวลามีค่า.....

           ขั้นตอนที่หก. อย่าเปิดตัวออกอ้าซ่า โล่งโจ้ง เสียทีเดียว  คนที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยบางแห่งและบางวิชา เวลาสอบเขาใช้วิธีสอบแบบเปิดตำราได้ เรียกว่า open-book exam

           การคบคนก็เหมือนกัน บางทีเราคบคนแบบ open-book คือเราเปิดตัวโล่งโจ้งเป็นห้องโถง  เพราะเราอาจจะคิดว่า ความจริงมันก็ต้องเป็นความจริงวันยังค่ำ  เปิดไปเลยดีกว่าที่จะทำเป็นลักกะปิดลักกะเปิด  หรือเปิดไปเลยดีกว่าที่จะให้เขารู้ทีหลัง เดี๋ยวมันจะไม่งาม เช่น เคยมีแฟนมีกิ้กมากี่คนก็บอกไปเลย ให้เบอร์ไลน์ไปด้วย อะไรประมาณนั้น 

           ลองนึกดูสักนิด เราจะไม่ดูถูกดูหมิ่นจินตนาการของเหยื่อเสน่ห์มากไปหน่อยหรือ?  ไม่เหลืออะไรไว้ให้เขา/เธอได้ฝึกสมองลองคิดดูเล่น ๆ บ้างเลยรึงัย?

           ครูที่ท่านเป็นหมอเสน่ห์ บอกผู้เขียนซึ่งเป็นคนไม่มีเสน่ห์ ว่า การสร้างเสน่ห์ไม่มีการสอบ ไม่ว่าจะสอบแบบ open-book หรือไม่ใช่  เสน่ห์เป็นวิถีชีวิตชนิดหนึ่ง เสน่ห์เป็นสภาพการดำรงชีวิตของคนมีเสน่ห์  เราคงจะแบ่งปันทุกเรื่องกับผู้อื่นไม่ได้ เรื่องที่ปันกันได้ก็ปันกันไป เรื่องที่ไม่อยากจะปันก็อย่าปัน  ความลึกลับเล็ก ๆ เป็นส่วนหนึ่งของความมีเสน่ห์  ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่า ยังไม่เห็นท่านผู้อ่านหมดทั้งตัว...ซึ่งเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของท่าน

           ให้เขาเห็นภาพรวมก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นถ่ายภาพพิกเซลสูง ๆ ชนิดเห็นชัดทุกรูขุมขน มันชัดเจนจริงจังเกินไป แสลงเสน่ห์  เพราะเสน่ห์-ในบางครั้ง-จะต้องเบลอร์ ๆ

           ขั้นตอนที่เจ็ด. รู้จักที่จะมีน้ำอดน้ำทน เมื่อได้ทำหมดทุกอย่างเท่าที่รู้จักจะทำมาหกขั้นตอนแล้ว  ทีนี้ก็ถึงตอน.....รอผล  ไม่ใช่ร้อนรน ตะแบงส่งข้อความเซ้าซี้(ตื้อ)อยู่นั่นแล้ว-น่ารำคาญรู้เปล่า  และความน่ารำคาญก็เป็นของแสลงอีกอย่างหนึ่งสำหรับเสน่ห์  ที่ไหนมีความน่ารำคาญ ที่นั่นสงัดเสน่ห์

           ท่านว่า ความปรารถนาของเราที่มีต่อเหยื่อเสน่ห์อาจจะกำลังเข้ม แต่ความปรารถนาของอีกฝ่ายหนึ่งที่มีต่อเราอาจจะเพิ่งก่อกำเนิด  เราจะต้องรู้จักรอให้มันเจริญเติบโตและงอกงาม  เรื่องนี้ต้องการเวลา  เราต้องรู้จักรอเวลาเพื่อให้ผู้ที่กำลังต้องมนต์เสน่ห์ได้รู้ว่า เราวิเศษเลอเลิศสะระแมนแต็นปานใด  ท่านว่า ถ้าใครไม่รู้จักร้องเพลงรอ ผู้นั้นจะสร้างเสน่ห์โน้มน้าวผู้อื่นได้ยาก

           มองมาจากอีกฝ่ายหนึ่ง  สมมติว่าเราเป็นฝ่ายโน้นบ้าง เราย่อมอยากเข้าหาคนที่เรารู้สึกว่าเข้าใกล้แล้วสบายใจไม่อึดอัด  เรารู้สึกผ่อนคลาย ชื่นมื่น ที่จะอยู่ใกล้  เราอยากไปยิ้มด้วยและหัวเราะด้วยกับเขา  แม้ว่า-เขาดูเหมือนจะอยู่สุดปลายเอื้อมของเราเล็กน้อยก็ตาม  ท่านว่า สภาพสุดปลายมือ คือสภาพอันเป็นธรรมดาธรรมชาติของเสน่ห์มนุษย์  จำไว้นะ-เสน่ห์มันจะอยู่สุดปลายมือไปนิดนึงเสมอ  

           ท้ายที่สุด เรื่องสร้างมนต์เสน่ห์นี้ แม้ท่านผู้อ่านจะสามารถค้นคว้าหาได้ทั่วไป ไม่ใช่เรื่องลึกลับ  แต่ผู้เขียนก็หวังว่าบทความชิ้นนี้ที่ผู้เขียนค้นคว้าเรียบเรียงมา อาจช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาให้กับท่านได้บ้าง และขอส่งความปรารถนาดี ขอให้ทุก ๆ ท่าน-รวมทั้งตัวผู้เขียนเองด้วย โชคดีมีเสน่ห์ในปีนี้และปีต่อ ๆ ไปข้างหน้า

           อย่างไรก็ดี ก่อนจะจบเรื่องการสร้างเสน่ห์ เราจะละเลย มองข้าม เรื่องของ คนโลกซวย มนุษย์แห่งศตวรรษใหม่ ไปได้อย่างไรกัน  เพื่อประหยัดเวลาและพลังงานโลก เพื่อท่านผู้อ่านและตัวผู้เขียนเอง ไม่ต้องเขียน/อ่านบทความอีกบทหนึ่งเรื่องของ พวกโลกซวย เป็นการเฉพาะ  ผู้เขียนขออนุญาตท่านผู้อ่าน เขียนเกี่ยวกับพวกโลกซวยเสียในคราวเดียว ดังต่อไปนี้

           พวกโลกซวย ได้แก่ คนที่มีคุณสมบัติเจ็ดประการตรงข้ามกับคนมีเสน่ห์ ดังที่เราได้อภิปรายกันมาแล้ว  หนึ่ง.คนโลกซวยคือคนออกอาการเครียดจัด วี้ดว้ายกระตู้วู้ ร้องกรี้ด ๆ และตีอกชกหัว เมื่อได้พบเห็นบุคคลที่ตนคิดว่า น่ารัก น่าปรารถนา  สอง.ชาวโลกซวยคือคนที่ใช้ภาษากายไม่เป็น เล่นหูเล่นตาเว่อ ๆ พูดก่อนแล้วค่อยแสยะยิ้มทีหลัง  สาม.คนโลกซวยคือคนที่ชอบ(ขออภัย...)ชอบเล่นขี้ และมีอารมณ์ขันชนิด bad taste  สี่.พวกโลกซวยคือคนที่สร้างความกดดันต่อผู้ที่ตนปรารถนา ด้วยการออกอาการว่า ฉันขาดเธอไม่ได้  ห้า.ชาวโลกซวยคือคนที่รับนัดทันที ไม่มีติดขัด  หก.คนโลกซวยคือคนที่อ้าซ่าและโล่งโจ้ง เขา/เธอไม่มีอะไร ไว้ให้ใครมาค้นพบอะไรอีกต่อไปแล้ว  เจ็ด.พวกโลกซวยคือคนที่ชอบเซ้าซี้ ไม่มีน้ำอดน้ำทน

           ยังครับ-สำหรับคนมีเสน่ห์ ถ้าหากว่าเขาเผลอไผล แสดงกิริยาส่อรสนิยมเลว อันผุดขึ้นจากสันดานลึก ๆ  อีกนัยหนึ่ง มีความประพฤติชนิด bad taste ขึ้นมา  ผู้คนทั้งหลายจะพากันแซ่ซ้อง ร้องสรรเสริญขึ้นพร้อม ๆ กันว่า

           Wow! Bad taste is the best!

           ในทางกลับตาลปัตรกัน คนโลกซวยบางครั้งอุตส่าห์แสดงออกซึ่งรสนิยมดี๊-ดี  แต่พอผู้คนพบเห็นเข้า คนทั้งหลายพากันแบะปาก พลางร้องบอกแก่กันว่า—

           ทุเรศ ดูมันทำ!
           

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น