open letter no 2

Chicago 2 why Chicago

Chicago 2 ทำไม ผมต้องดัดจริต ฟังวิทยุชิคาโก ด้วย? ๑.    ผมติดนิสัยชอบฟังวิทยุตปท. จากแดนไกลเป็นนิสัยมาแต่มัธยม เพื่อฝึกภาษา ประกอบกับมีผู...

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รู้จักย่อยสลาย ข่าวอัปมงคล ด้วยตนเอง

ปกิณกะชีวิต
แดง ใบเล่

          วิชาการหนังสือพิมพ์-Journalism-แบบตะวันตก  หรือที่จริงก็คือแบบแองโกล-อเมริกัน 
ซึ่งเป็นแม่บทใหญ่อยู่ในโลกอินเตอร์เนตปัจจุบันนี้  เขาสอนวิชาการหนังสือพิมพ์กันเป็นวิชาแห่งข่าวร้าย ข่าวอัปมงคล และข่าวอุบาท อัปรีย์ จัญไรต่าง ๆ นานา  เขาสอนกันว่าหมากัดคนไม่เป็นข่าว ถ้าจะให้เป็นข่าวต้องคนกัดสุนัข เพราะว่ามันอัปรีย์ดี


          ตามปกติ เรื่องอัปมงคลกับอัปรีย์ คือ “news” ในวิชาการหนังสือพิมพ์สมัยปัจจุบัน  ให้ท่านลองสังเกตการณ์พาดหัวข่าว  ถ้าไม่อัปรีย์จัญไรจะไม่ได้รับเกียรติขึ้นพาดหัวข่าว  ยกเว้นเจตนาจะปรุงแต่งเรื่องข่าวดีให้มีอัปรีย์แทรกอยู่ด้วย  เช่น พาดหัวติดลบ-แต่ข้างในเนื้อดี เป็นต้น  ยกตัวอย่างเช่น ทำเงินหายล้านหนึ่ง-นี่พาดหัวข่าวติดลบ แต่ปรากฏว่าเด็กซื่อบื้อคนหนึ่งเก็บได้ แล้วนำไปคืนเจ้าของ เป็นต้น

          ความเป็นนรกจกเปรต กับ ขี้กลากกินกบาล คือวิชาและปฏิบัติการของการหนังสือพิมพ์ ในเวลานี้  ขออภัย—ไม่ได้จำกัดตัวอยู่แต่กับสื่อสิ่งพิมพ์ดั้งเดิม อย่าว่ากันนะ  หากว่าได้ขยายออกกว้างครอบคลุมถึงกิจการข่าวต่าง ๆ ที่ผ่านสื่อหลายชนิด ไม่ใช่สื่อสิ่งพิมพ์อย่างเดียว เช่น ข่าวในอินเตอร์เนตที่หน้ายาฮู หรือข่าวทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เป็นต้น

          คนเราเวลานี้ เราถูกระดมยิงด้วยข่าวสารสารพัดโดยที่จิตใจเราบางคน หรือเราส่วนมากซึ่งก็รวมถึงผู้เขียนบทความนี้ด้วยผู้หนึ่ง อาจจะไม่พร้อมที่จะตั้งรับกับการระดมสาดกระสุนข่าวสารเข้าใส่มากมายขนาดนี้  และเอาเข้าจริง ๆ ความคิดอ่านของเรา--โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เราไม่สันทัด ก็มักจะถูกตกแต่ง ปรุงขึ้นจากข่าวสารที่เราได้รับมา  เรื่องนี้ร้อนถึงกระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส  ซึ่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้เมื่ออินเตอร์เนตระบาดทั่ว ต้องสร้างหนังสือคู่มือการรับฟังข่าว ขึ้นมาสอนในระบบการศึกษาฝรั่งเศส  เพื่อสอนให้เด็กฝรั่งเศสตั้งรับกับสุนามิข่าวสารได้ ไม่เพลี่ยงพล้ำถูกสุนามิกลืนหายไป  อย่างไรก็ดี ผู้เขียนเพียงแต่ทราบข่าวเรื่องนี้ จริง ๆ ก็ไม่เคยได้อ่านคู่มือดังกล่าว

          คนในวงการหนังสือพิมพ์ทั่วโลกขี้ขลาดกันเอง  เขาไม่กล้าคิดว่าข่าวดีก็หากินได้ ไม่จำเพาะแต่ข่าวร้าย  ก็เหมือนกับคนในวงการจิตวิทยาดั้งเดิม ที่สอนกันแต่เรื่องโรคจิต  จิตวิทยาเชิงบวกเพิ่งจะเกิดเมื่อไม่นานมานี้  แต่เวลานี้จิตวิทยาเชิงบวกก็กำลังยึดเวที แบ่งพื้นที่เวทีการเรียนการสอน การประกอบอาชีพ มาจากจิตวิทยาแนวติดลบได้พอสมควร  ท่านที่สนใจโปรดเคาะหาคำว่า positive psychology ดูแล้วกัน  วารสารของวงการพวกเขาก็มีแล้วนะ 

          ตัวผู้เขียนเอง ก็ได้พยายามตามมีตามเกิด ศึกษาหาช่องทางที่จะเอาตัวเองให้รอดจากทะเลบ้าของข่าวสาร  แหล่งที่ศึกษาขอความรู้มานั้นมีหลายแหล่ง อย่างไรก็ดีจะขอเล่าสู่กันฟัง แบ่งปันกับท่านผู้อ่านบางท่าน ที่อาจจะกำลังคิดจะเอาตัวเองให้รอดจากสงครามข่าว ที่เขาทำกันทุกกลุ่ม ทุกหมู่ ทุกฝักฝ่าย  วิธีการเอาตัวรอดของผู้เขียนไม่ใช่วิธีอันเป็นสากล หรือเป็นอกาลิโก ที่จะใช้ได้กับท่านผู้อ่านทุก ๆ ท่าน  จะขอเล่ามาพอเป็นตัวอย่างเท่านั้น  แต่ละท่านคงต้องคิดอ่าน หาหนทางที่เหมาะกับตัวท่านเอง

          วิธีของผู้เขียน มีดังนี้

๑.     ตั้งสติไว้ก่อนเสมอว่า ข่าวสารทุกข่าวไม่ว่ามาจากฝ่ายเรา หรือฝ่ายเขา หรือฝ่ายมัน จะต้องมีการ “ถอดรหัส”  เสมอหน้ากันหมดทุกแหล่ง  ถามตัวเองดูว่า เขาพูดอย่างนี้-แปลว่าอะไร?
๒.    ยามเช้า จะพยายามเมินหน้า-ไม่เหลือบตาแลพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์รายวัน ปฏิบัติเช่นนี้แล้วจะได้ไม่เปลืองอารมณ์ที่ยังสดชื่นไปกับเรื่องอัปมงคล
๓.    พบอีเมลอัปรีย์ หรือข้อความอุบาทว์ในมือถือ ให้ลบทิ้ง อย่าเอามาเป็นอารมณ์  พลางหายใจเข้าออกเต็ม ๆ สามครั้ง
๔.    พบข่าวอัปมงคลในหน้ายาฮู หรือแหล่งอื่น ๆ ให้ลองถามตัวเองดูว่า ผู้ใดจะได้รับประโยชน์จากข่าวนี้  ข่าวนี้เพื่อประโยชน์ของใคร?
๕.    อย่าไปถือสาหาความกับข่าวติดลบจนเกินไป คิดเสียว่า พระพุทธเจ้าก็ยังโดนคนเดินตามด่าเลย สำมะหาอะไรกับเราท่านทั้งหลาย
๖.     ให้มีสติรู้ตัวว่า ตัวเราเองนั่นแหละเป็นต้นเหตุ นักหนังสือพิมพ์ท่านก็ป้อนสิ่งที่เราชอบ ให้เรากิน เช่น เรากลัวอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์-ท่านก็หาข่าวไสยศาสตร์มาให้ เราชอบดูหมิ่นคนจน-ท่านก็หาข่าวขอทานมาให้ เราชอบอิจฉาคนรวย-ท่านก็ลงข่าวคนรวยกำลังซวย เราหมั่นใส้ผู้มีอำนาจ-ท่านก็ลงข่าวผู้มีอำนาจกำลังจะสิ้นฤทธิ์ เรานึกระแวงคนฉลาดด้วยเล่ห์กล-ท่านก็หาข่าวหมอผีเขมรเล่นตลบหลังนักการเมืองไทย มาให้เราอ่าน  เราไม่ชอบความจริงอันชัดแจ้ง-ท่านก็หาข่าวตอแหลมาให้บริโภค
๗.    แหล่งหลัก ๆ ของข่าวโลก หรือข่าวชนิดอื่นใดก็ดี จะมีแหล่งอยู่ไม่กี่แหล่ง เป็นหน้าที่ของเราจะต้องรู้สันดานของแหล่งข่าวแต่ละแหล่ง  การรู้สันดานแหล่งข่าวจะช่วยให้เราถอดรหัสได้โดยอัตโนมัติ เช่น ถ้าแหล่งนี้พูดว่า “ขาว” จะแปลว่า “ดำ” หรือถ้าพูดว่า “ม้า” จะแปลว่า “หมา” เป็นต้น
๘.    ตัวผู้สื่อข่าวก็สำคัญ เช่น แหล่งข่าวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบีบีซี ผู้สื่อข่าวคือ นายโจนาธาน เฮด  เราจำเป็นต้องรู้ข้อมูลบุคคลของคนผู้นี้บ้าง ไม่มากก็น้อย ว่าเป็นใครมาจากไหน  รายละเอียดพวกนี้-สมัยนี้ไม่ได้เป็นภาระอะไรแก่เรามากมาย แค่เคาะคีย์บอร์ดครั้งสองครั้ง เราก็พอจะรู้คร่าว ๆ  หรือหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเขี่ย ๆ ขีด ๆ ทีสองที ก็พอจะรู้เลา ๆ  และเราเจาะละเอียดเฉพาะพื้นที่สำคัญที่เราสนใจ  เราคงไม่อยากรู้หรอกว่า ผู้สื่อข่าว เอเอฟพี ประจำเม็กซิโกคือใครมาจากไหน พูดภาษาสเปนได้เปล่า
๙.    เราต้องมีแหล่งพึ่งพิงด้านข่าวสารที่พอจะไว้ใจได้ เอาไว้สอบยัน การรู้ภาษา ต่างประเทศหนึ่งหรือสองสามภาษา จะช่วยเราได้  เราไม่ต้องรู้จักจารชนที่ไหนหรอก เพราะพวกจารชนก็หาข่าวเอาจากอินเตอร์เนตเหมือนกัน  ท่านว่าการสืบความลับเขาสืบกันทางอินเตอร์เนต 80-90% ส่วนที่เหลือจึงสืบจากพื้นที่  และสมัยนี้บางสิ่งบางอย่างถ้าสืบจากโลกรูปธรรมจริง ๆ อาจไม่ได้ความอะไร  ข้อมูลมันอยู่ในรูปดิจิทัลอย่างเดียว  สำหรับผู้เขียนหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่เชื่อถือ และใช้เป็นที่สอบยันคือ.....ไม่ใช่ น.ส.พ.นิวยอร์ค ไทม์ นะครับ  แต่เป็น เดอะ ไทม์ ออฟ อินเดีย เป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ ที่ผู้เขียนเชื่อถือมากที่สุดเวลานี้     




๑๐.            วันก่อน ได้ยิน รมต.มหาดไทยฝรั่งเศส พูดว่า ไม่มีใครในฝรั่งเศสหรอก ที่ประกอบอาชญากรรมแล้วเราจะไม่รู้  ฟังแล้วน่าขนลุกขนพอง-ไม่ว่าคุณจะเป็นอาชญากรหรือไม่ เพราะว่า มันส่อถึงความเข้มในการตรวจตราโลกดิจิทัลของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศยุโรปที่อยู่ในระดับต้น ๆ ในการสอดส่องอินเตอร์เนต รวมทั้งสอดส่องการสื่อสารอิเล็คโทรนิค เช่น คลื่นโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟน เป็นต้น  ทุกวันนี้เขาดักจับคลื่นกันได้ทั่วไปหมด-ท่านผู้อ่านคงทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว  แต่ถ้าพูดถึงกล้องวงจรปิด ก็แพ้อังกฤษ ใด้ยินมาว่า ที่อังกฤษมีกล้องวงจรปิดหนึ่งกล้องต่อคนอังกฤษ 14 คน โรงเรียนนายร้อย แซงต์-ซี ของฝรั่งเศสมีหลักสูตรสงครามอิเล็คโทรนิคส์  และอเมริกันเคยโวยวายเมื่อไม่นานมานี้ว่า แฮคเกอร์ที่แฮคข้อมูลลับของอเมริกัน แฮคกันมาจากเมืองอันเป็นที่ตั้งโรงเรียนนายร้อยจีน ในเมืองจีน  และการแฮคสมัยนี้ ไม่เลือกหน้าว่ามิตรหรือศัตรู--แฮคกันมั่วหมด
๑๑.            ทุก ๆ วันเราต้องมีเวลาพักใจเพื่อพักสมอง  ทุกวันนี้คนที่มีสติรู้ตัว เขากำหนดลมหายใจเพื่อพักใจกันเกือบจะทั้งโลก  เพราะวิธีนี้เป็นช่องทางเล็ก ๆ ที่เหลืออยู่ และยังพอจะบำบัดรักษาเยียวยาจิตใจให้เราได้  ทำที่ไหน เวลาใดก็ได้  นั่งอยู่กับโต๊ะผ่อนลมหายใจยาว ๆ สักสามครั้งเจ็ดครั้ง ก็โอเคแล้ว  แต่ให้ทำบ่อย ๆ และทำทุกครั้งที่มีอะไรมากระทบจิตใจ  บางทียังจะช่วยให้สมรรถนะทางเพศ ดีขึ้นได้ด้วยนะครับ
๑๒.            ผู้เขียนบริโภคทะเลข่าวสาร อย่างทางสายกลางดังนี้  1)ฟังวิทยุบีบีซีวันละสองชั่วโมงตอนเย็นและย่ำค่ำ-หลังจากเดินออกกำลังกาย โดยฟังจากเครื่องรับวิทยุคลื่นสั้นแบบดั้งเดิม ฟังไปเรื่อย ๆ แบบฟังมั่งไม่ฟังมั่ง ทำงานบ้านไปด้วย  2)ฟังวิทยุฝรั่งเศส-ราดิโอ ฟร้องซ์ แองแตร์นาซิย็องนาล วันละประมาณหนึ่งชั่วโมง-กลางวันหรือกลางคืน ฟังจากสมาร์ทโฟนซึ่งได้ลงแอพของ RFI-Radio France International เอาไว้  3)เช็คข่าวสารจาก เดอะ ไทม์ ออฟ อินเดีย เป็นครั้งคราว  4)สุดท้ายคือใช้อินเตอร์เนตสัปดาห์ละสองสามครั้งเท่านั้น โดยใช้ที่ร้านเนตตามแต่จะสะดวก  ที่บ้านไม่ติดอินเตอร์เนต 


ที่เปิดเผยข้อมูลการรับข่าวสารมานี้ ก็เพื่อประโยชน์ของท่านผู้อ่าน ให้ได้เห็นสิ่งที่ผู้เขียนปฏิบัติจริง แต่ก็เป็นเพียงคร่าว ๆ ไม่ถึงกับทำเป้ะ ๆ ๆ ๆ ไปหมด  เพราะบางทีก็อ่าน นสพ.สเปนบ้าง หรือฟังวิทยุจีนอีกบ้าง หรือดูโทรทัศน์อินโดเนเซียรายการบันเทิง บ้าง และที่สำคัญคือรายการบันเทิงอย่างใหม่ที่ชมประจำ คือรายการของพวกยูทูบเบอร์หลาย ๆ คน ทั้งอเมริกัน อังกฤษ ฝรั่งเศส เม็กซิกันและอินโดเนเซีย  โอกาสหลังจะได้คัดรายการของยูทูบเบอร์พวกนี้ ที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่าน มาเขียนเล่าที่บล็อกนี้ครับ

ขอให้ท่านผู้อ่าน—และตัวข้าพเจ้าโชคดี  มีชีวิตรอดอยู่ในทะเลข่าวสารที่ส่วนมากไร้สาระและอัปมงคล  ซึ่งไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้น




Posted at www.pricha123.blogspot.com 
Same series articles, please see:
ชอบ/ไม่ชอบ โปรดแชร์ลิงก์ให้เพื่อนด้วยครับ  

--------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ – บทความสั้น ชุดปกิณกะชีวิต ตั้งใจว่าจะเขียนเดือนละบทสองบท อาจพลาดพลั้งผิดนัดบ้าง โปรดอภัย จะโพสต์เผยแพร่ตลอดปี 2558 ครับ ที่หน้าบล็อก www.pricha123.blogspot.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น