ปกิณกะชีวิต
แดง ใบเล่
แดง ใบเล่
แม้เรื่องนี้จะมีมานาน
แต่ผู้เขียนเพิ่งจะรู้จัก แผ่นป้ายความฝัน ไม่นานมานี้เอง เวลานั้นยังอยู่กรุงเทพฯ
สอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนพาณิชย์แห่งหนึ่ง ในเขตบางกอกใหญ่ โดยที่เพื่อนครูเป็นผู้แนะนำให้ใช้
vision board เป็นอุปกรณ์การสอน โดยให้นักเรียนไปหานิตยสารเก่า
ๆ ภาษาอังกฤษ แล้วเลือกตัดรูปที่ตนใฝ่ฝัน
แปะลงบนป้ายปลาสติคแผ่นโตซึ่งหาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียน โดยให้ทำเป็นกิจกรรมกลุ่ม นำมาเสนอหน้าชั้นเป็นภาษาอังกฤษง่าย
ๆ แล้วให้เพื่อนนักเรียนซักถาม
ได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษกันคนละประโยคสองประโยค
ผู้ชำนาญการ-ด้านศิลปะการดำเนินชีวิตด้วยการเอาชนะความไม่มั่นใจตัวเอง-นายดาวิด
ลาโรช นักพูดเสริมกำลังใจ เขาเป็นชาวฝรั่งเศสยุคปัจจุบัน เรียกแผ่นป้ายนี้ว่า แผ่นป้ายความฝัน
– le tableau de rêve ชื่อภาษาฝรั่งเศสฟังดูเข้าท่ากว่าชื่อภาษาอังกฤษ เพราะชื่อภาษาอังกฤษน่าจะแปลว่า
แผ่นป้ายวิสัยทัศน์ ซึ่งเมื่อได้ยินแล้วทำให้ผู้เขียนรู้สึกเครียด
เกร็ง ไม่นึกสนุกที่จะสร้าง ราวกับจะต้องแสดงวิสัยทัศน์
เพื่อเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจ
ความเครียดและเกร็งเกินไปนั้น งานวิจัยจิตวิทยาสมัยใหม่ทั้งอเมริกาและยุโรประบุตรงกันว่า
เป็นอารมณ์ที่ไร้ประสิทธิภาพ และผู้เขียนก็เห็นว่าอารมณ์นั้นไม่น่าจะตรงตามเจตนาแท้จริงในการสร้างแผ่นป้ายความฝัน ซึ่งท่านให้สร้างขึ้นจากความใฝ่ฝันของเรา และอนุญาตให้ฝันอย่างไร้ขีดจำกัด
ว่า เราอยากได้ชีวิตแนวใด ในระยะไม่กี่ปีข้างหน้านี้
จะขอเรียกแผ่นป้ายนี้ตามภาษาฝรั่งเศสว่า
แผ่นป้ายความฝัน และทั้ง ๆ ที่ผู้เขียนไม่ชอบ ระบำแฟนตาเซียแทบทุกชนิด แต่กรณีนี้ ถ้าท่านผู้อ่านบางท่าน นึกอยากจะเรียกแผ่นป้ายนี้ว่า
ป้ายแฟนตาเซีย ผู้เขียนก็ไม่ข้องใจ
เนื่องจากหลาย
ๆ ท่านทราบเรื่องแผ่นป้ายความฝันดีอยู่แล้วและอาจจะดีกว่าผู้เขียน เพราะเรื่องนี้มีผู้นำเสนอไว้มากทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ดังนั้น จะขออนุญาตแนะนำต่อท่านที่ยังไม่คุ้นกับเครื่องมือชนิดนี้
ด้วยการเขียนจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนเอง จะได้ไม่ซ้ำกับที่ท่านอื่น ๆ
นำเสนอ ซึ่งดูเหมือนว่าที่พันธ์ทิพย์ดอทคอมก็จะมีโพสต์กันไว้แล้ว ผู้เขียนจะขอเลี่ยงเป็นเล่าให้ท่านฟังว่าเมื่อเร็ว
ๆ นี้ตัวผู้เขียนเองสร้างแผ่นป้ายความฝัน สำหรับชีวิตแฟนตาเซียวันข้างหน้าของตนขึ้นไว้อย่างไร อนึ่ง เกี่ยวกับการพัฒนาตนนั้น ถ้าเราดีแต่ยุให้เพื่อนฝูงทำ
แต่ตัวเองไม่ทำ ก็จะกระไรอยู่
เพราะเป็นความฝัน
ไม่ใช่การวางแผนหรือการตั้งเป้า จึงไม่ต้องมีกำหนดเวลา
บางทีถ้านัดเวลาเอาไว้ ความเครียดอาจจะเกิด
การสร้างแผ่นป้ายชนิดนี้ผู้รู้หรือกูรู-guru-ท่านให้เราฝันได้โดยไร้ขอบเขต หรือถ้าจะมีข้อจำกัดอยู่ในใจบ้าง-ก็ให้มีน้อยที่สุด ท่านต้องการให้ผู้เขียนและท่านผู้อ่านที่คิดจะทำป้าย
รู้สึกสนุกสนานบันเทิงกับการสร้างแผ่นป้าย
ผู้เขียน
เริ่มบันเทิงด้วยการไปซื้อแผ่นป้ายปลาสติค จากร้านเครื่องเขียนมาแผ่นหนึ่ง
กว้างประมาณ 60 เซนติเมตร ยาวประมาณ 120 เซนติเมตร โดยเลือกแผ่นสีน้ำเงิน
ถ้าท่านผู้อ่านจะสร้างไว้ใช้เองบ้าง ท่านจะเลือกป้ายสีอะไรก็สุดแล้วแต่ใจท่าน
ครั้นถึงวันตลาดนัด
เฉพาะนัดวันอังคาร ตลาดนัดใกล้หมู่บ้านจะมีพ่อค้ามาวางขายนิตยสารเก่า ๆ เขาขายสามเล่มร้อย ผู้เขียนก็จะไปเดินเกร่ดูแผงแม็กกาซีนแบกะดิน
หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดดูแล้วเลือกเอาเล่มที่มีรูปถูกใจ ไปเดินตลาดนัดอยู่สองสามนัด
จึงได้นิตยสารตามต้องการทั้งไทยและเทศมาสี่ห้าเล่ม
กิจกรรมต่อมาก็คือ
นั่งเลือกตัดภาพจากนิตยสารเหล่านั้น เก็บรวมไว้ในซองปลาสติค ได้ทั้งหมดประมาณเกือบสามสิบรูป แต่ในที่สุดรูปที่เลือกใช้แปะบนแผ่นป้ายจริง ๆ
มีราว ๆ ยี่สิบภาพเท่านั้น พอสร้างแผ่นป้ายเสร็จแล้ว ยังมีภาพเหลืออยู่ในซองอีกหลายรูป
ภาพที่ปิดไว้บน
แผ่นป้ายความฝัน แผ่นปัจจุบันของผู้เขียน
มีรูปอะไรบ้าง จะขอเล่าสู่กันฟัง
ภาพดอกชบาดอกโต
ดอกเดียวเดี่ยว ๆ หนึ่งดอก สีส้มอ่อน ๆ ผู้เขียนมีไว้เตือนใจตัวเองเกี่ยวกับการเรียนภาษาอินโดเนเซีย
ที่ตั้งใจไว้ว่าจะอ่านและพูดให้ได้ ในระดับพอแก่การท่องเที่ยว ภายในระยะเวลาสามปีนับจากนี้ โดยที่อัตราการเรียนรู้คำศัพท์ในระยะแรกอยู่ที่ประมาณเดือนละหนึ่งร้อยคำ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต่อไปจะได้หน้าลืมหลังหรือไม่ ความคืบหน้าจะเป็นอย่างไร
ตามปกติ
ภาษาตระกูลมาเลย์เรียกดอกชบาอย่างเป็นทางการว่า บุหงา รายา และบุหงา รายา ก็คือดอกไม้ประจำชาติของมาเลเซีย คำว่า ชบา ในภาษาไทยนั้นผู้เขียนเดาเอาเองว่า
น่าจะมาจากคำเรียกดอกไม้ชนิดนี้ในภาษายาวี(ปัตตานี) ซึ่งก็เป็นภาษาตระกูลมาเลย์ภาษาหนึ่ง
เรียกดอกชบาว่า ชุมเบา
เจตนาที่จะให้ภาพอะไรหมายถึงอะไร
บนแผ่นป้ายความฝันของเรา ขึ้นกับตัวเราเอง คนอื่นไม่เกี่ยว ดังจะเห็นว่า สำหรับผู้เขียนดอกชบาดอกเดียว หมายถึงการเรียนภาษาอินโดเนเซียให้ได้ภายในสามปี
โดยกะว่าจะจำศัพท์ให้ได้ในระยะแรก ๆ สักเดือนละร้อยคำ เป็นต้น แต่ถ้าคนอื่นผ่านมาพบเห็นแผ่นป้าย เขาจะไม่รู้หรอกว่า ดอกชบาดอกนั้นหมายถึงอะไร
อีกภาพหนึ่งบนแผ่นป้ายความฝัน
เป็นรูปพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ จอร์จ ปอมปิดู ในปารีส ภาพนี้เพื่อเตือนว่า ยังอยากจะไปเที่ยวปารีสอีกในวันข้างหน้า
พร้อมกับมีรูปสถานีรถไฟ การ์ ดู นอร์ด ในปารีส ซึ่งเป็นสถานีรถไฟสายเหนือ
มีปลายทางในประเทศยุโรปเหนือ พร้อมรูปกับขบวนรถด่วนเตเจเวสีเลือดหมู ซึ่งก็หมายถึงความฝันที่จะได้เดินทางท่องยุโรปทางรถไฟ และผู้เขียนได้หาภาพที่มีชื่อสายการบิน แอร์ ฟรานซ์ มาแปะกำกับไว้ด้วย ซึ่งก็หมายถึงการเดินทางจากเมืองไทยไปฝรั่งเศสหรือไปยุโรป แต่ก็ไม่เจาะจงจะไปกับสายการบิน แอร์
ฟร้านซ์ เพราะอาจเดินทางกับสายบินตั๋วถูก หรือตั๋วโปรโมชัน
ก็ได้ หรืออาจจะหาหนทางหาตั๋วฟรีจาก แอร์
ฟร้านซ์ ก็ได้ใครจะรู้ หรืออาจจะหาทางนั่งรถไฟไปจากพม่า
ก็ได้-ใครจะรู้
ภาพพระพุทธรูปโบราณ
นั่งอยู่บนฐานที่ตั้งเป็นกองอิฐเก่า ที่อยุธยา
ก็เพื่อเตือนตนว่าให้พยายามยึดทางสายกลางในการดำเนินชีวิต ทั้งนี้มิใช่ต้องการจะนิพพานดอกนะ
แค่ขอเดินทางสายกลางเท่านั้น
ที่สำคัญคือขอให้ชีวิตมีสติ ไม่ปล่อยเรื่อยเปื่อยแบบโอโตไพล็อต เพราะถ้าใช้ชีวิตแบบโอโตไพล็อต
ความฝันจะไม่มีวันกลายเป็นจริง
ภาพเงินดอลลาร์
เพื่อเตือนตนว่า--อยากรวย ขอให้ได้รวยเข้าสักวันหนึ่งเถิด เจ้าประคู้ณณณ
ภาพคอนโดชายทะเลภูเก็ต
พร้อมภาพภายในคอนโด มีห้องนอน ห้องทำงาน ห้องอาหาร แต่ละรูปไม่ได้ตัดมาจากนิตยสารเล่มเดียวกัน
เพียงแต่ผู้เขียนจับมาปะไว้ด้วยกันบนแผ่นป้ายความฝัน บางรูปตัดมาจากหน้านิตยสารที่เขาโฆษณาขายคอนโด-อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
จำไม่ได้
ภาพผักผลไม้
เพื่อชวนให้เราระลึกว่า กินผักผลไม้เยอะ ๆ แหละดี
รูปโบสถ์แห่งหนึ่งในอเมริกาใต้
อาจจะเป็นประเทศเปรูหรือโบลิเวีย เนื่องจากตนเองพูดและอ่านภาษาสเปนออก
พูดได้จริงไม่ใช่โม้ ก็ยังนึกอยากจะเดินทางท่องอเมริกาใต้
– เคยไปเม็กซิโกมาแล้วสองครั้ง นอกนั้นยังไม่เคยไป อยากไปเที่ยวกรุงบวยโนสแอเรส
และเดินทางข้ามทุ่ง ลา ปัมปา ในอาเจนตินา
อยากไปเที่ยวประเทศชิลี ที่มีนักเขียนรางวัลโนเบลถึงสองคน และยังอยากไปทัศนาจรแคว้นอัลดาลูเซีย ในสเปนอีก
หลังจากที่เคยไปมาแล้วสามสี่ครั้ง แต่ก็ยังท่องเที่ยวไม่ทั่วและอยากกลับไปอีก
นอกนั้น
บนแผ่นป้ายความฝันแผ่นใหม่ล่าสุดของผู้เขียน ก็มีรูปอื่น ๆ เช่น ภาพจากประเทศภูฐานรูปหนึ่ง
รูปอาหารตุ๋นยาจีนรูปหนึ่งซึ่งผู้เขียนเห็นว่าเป็นอาหารอมตะที่น่าสนใจ รูปคนสองสามรูป เพราะว่าคนเป็นสิ่งมีชีวิตที่สำคัญสำหรับเรา
ฯลฯ พอสร้างแผ่นป้ายความฝันเสร็จ ผู้เขียนก็แขวนไว้ในบริเวณที่เห็นได้ง่าย
มีแสงสว่างพอเพียง ไม่ไกลโต๊ะเขียนหนังสือ
แผ่นป้ายความฝันกลายเป็นที่พักสายตาจากหน้าจอ คอมพิวเตอร์ได้อีกแหล่งหนึ่ง
เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยเบนสายตาออกไปดูต้นไม้ใบหญ้า นอกหน้าต่างบ้าน
แรก
ๆ ผู้เขียนสงสัย เหมือนกับที่ท่านผู้อ่านบางท่านที่ยังไม่เคยสร้างแผ่นป้ายความฝัน อาจจะคิดข้องใจอยู่ในบัดนี้ คือนึกไม่ออกว่าการมองดูแผ่นป้ายความฝัน
จะทำให้เราพบกับฝันที่กลายเป็นจริงได้อย่างไร - ถ้าเราไม่ลงมือทำอะไร เรื่องนี้ผู้รู้อธิบายว่า การลงมือทำนั้นเราต้องทำอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าแผ่นป้ายฯจะคอยให้กำลังใจเรา จะคอยเตือนสติเราเกี่ยวกับเรื่องที่เราปรารถนา
จะคอยประโลมใจเรา ทำให้เราแจ่มชัดไม่พร่ามัวกับความฝันของเรา ประคับประคองจิตใจเราไปในทิศทางแห่งความสุขที่เราปรารถนา
รุ่งเช้าตื่นขึ้นมา
เราก็ได้พบกับแผ่นป้ายความฝัน ซึ่งถ้าจะให้เรานึกเอาเอง เช้า ๆ ยังงัวเงียเราคงจะนึกอะไรไม่ใคร่จะออก
หรือนึกออกแต่ไม่ครบถ้วน บางทีอาจนึกเห็นเพียงภาพเดียวหรือสองภาพ ผู้รู้ท่านบอก-และเมื่อผู้เขียนสร้างป้ายเสร็จ ก็เห็นด้วยกับท่าน-คือรูปภาพในแผ่นป้ายจะซึมเข้าในจิตใจ
หรือพันอยู่กับเซลสมอง เช่น เราอยากรวย เราเห็นภาพเงินดอลลาร์อยู่บนแผ่นป้าย ทำให้จิตใจเราไม่ว่อกแว่กไปจากความอยากรวย สำหรับผู้เขียน-ภาพธนบัตรดอลลาร์บนแผ่นป้ายความฝัน
ทำให้ผู้เขียนใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง ไม่อีลุ่ยฉุยแฉก แม้เราจะไม่ร่ำรวยขึ้นมาในบัดดล
เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่แผ่นป้ายจะบันดาลให้เราได้ แต่เราก็จะเดินไปในทิศทางแห่งความร่ำรวย
อันได้แก่การรู้จักประหยัด
ตั้งแต่มีแผ่นป้ายความฝัน
ผู้เขียนรู้สึกสบายอกสบายใจ ความสุขใจก็เป็นความรุ่มรวยอย่างหนึ่ง เพราะความรวยไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะเรื่องเงินทอง ผลทางจิตใจของเครื่องมือชนิดนี้มีอย่างชนิดคาดไม่ถึง
มากกว่าที่เคยคิดไว้แต่ต้น – พูดจริงไม่ใช่แกล้งพูดเพื่อโปรโหมด ก็เลยเขียนมาเล่าสู่ แบ่งปันกับท่านผู้อ่าน อยากเห็นท่านลองทำใช้ดูบ้าง
เผื่อว่าอาจจะถูกโฉลกช่วยให้ท่านมั่งมี ถ้าท่านมั่งคั่งอยู่แล้วก็อาจทำให้ท่านสุขกายสบายใจยิ่ง
ๆ ขึ้นไปอีก หรือถ้าท่านรวยแล้วและแถมยังมีความสุขสมบูรณ์ดีทุกอย่าง
แผ่นป้ายความฝันก็อาจช่วยให้ท่านได้ไปสวรรค์นิพพาน หรือหายจากโรคมะเร็งตับ
รวยก็รวย
แถมมะเร็งตับก็ไม่เป็น ถ้างั้น--ยังงัยก็ขอให้ท่านหายจากมะเร็งเต้านม
แล้วกัน
ท้ายที่สุด
ถ้าท่านโคตรรวยและสุขอย่าบอกใครเชียว แถมมะเร็งตับกับมะเร็งเต้านมก็ไม่เป็น ก็ขอให้แผ่นป้ายความฝัน ช่วยอย่าให้ท่านต้องติดตะราง
แล้วกัน
หรือถ้าจะติดตะราง
ก็ขออย่าต้องไปอยู่ห้องเดียวกับ ดา (ผู้อยากมี)ตอร์ปิโดร์ ละกัน หนูล่ะ
กลัวตอร์ปิโดของแก ค่ะ
ตอร์ปิโด? ว๊าย-ห่นหลี!
--------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ – บทความสั้น ชุดปกิณกะชีวิต ตั้งว่าจะเขียนเดือนละบทสองบท
อาจพลาดพลั้งผิดนัดบ้าง โปรดอภัย จะโพสต์เผยแพร่ตลอดปี 2558 ครับ ที่บล็อก www.pricha123.blogspot.com
ปกิณกะชีวิต บทอื่น ๆ
ปกิณกะชีวิต บทอื่น ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น