open letter no 2

Chicago 2 why Chicago

Chicago 2 ทำไม ผมต้องดัดจริต ฟังวิทยุชิคาโก ด้วย? ๑.    ผมติดนิสัยชอบฟังวิทยุตปท. จากแดนไกลเป็นนิสัยมาแต่มัธยม เพื่อฝึกภาษา ประกอบกับมีผู...

วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

แผ่นป้ายความฝัน vision board

ปกิณกะชีวิต
แดง ใบเล่

แม้เรื่องนี้จะมีมานาน แต่ผู้เขียนเพิ่งจะรู้จัก แผ่นป้ายความฝัน ไม่นานมานี้เอง เวลานั้นยังอยู่กรุงเทพฯ สอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนพาณิชย์แห่งหนึ่ง ในเขตบางกอกใหญ่ โดยที่เพื่อนครูเป็นผู้แนะนำให้ใช้ vision board เป็นอุปกรณ์การสอน โดยให้นักเรียนไปหานิตยสารเก่า ๆ ภาษาอังกฤษ  แล้วเลือกตัดรูปที่ตนใฝ่ฝัน แปะลงบนป้ายปลาสติคแผ่นโตซึ่งหาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียน  โดยให้ทำเป็นกิจกรรมกลุ่ม นำมาเสนอหน้าชั้นเป็นภาษาอังกฤษง่าย ๆ แล้วให้เพื่อนนักเรียนซักถาม  ได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษกันคนละประโยคสองประโยค


ผู้ชำนาญการ-ด้านศิลปะการดำเนินชีวิตด้วยการเอาชนะความไม่มั่นใจตัวเอง-นายดาวิด ลาโรช นักพูดเสริมกำลังใจ เขาเป็นชาวฝรั่งเศสยุคปัจจุบัน เรียกแผ่นป้ายนี้ว่า แผ่นป้ายความฝัน – le tableau de rêve  ชื่อภาษาฝรั่งเศสฟังดูเข้าท่ากว่าชื่อภาษาอังกฤษ เพราะชื่อภาษาอังกฤษน่าจะแปลว่า แผ่นป้ายวิสัยทัศน์  ซึ่งเมื่อได้ยินแล้วทำให้ผู้เขียนรู้สึกเครียด เกร็ง ไม่นึกสนุกที่จะสร้าง  ราวกับจะต้องแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจ

ความเครียดและเกร็งเกินไปนั้น  งานวิจัยจิตวิทยาสมัยใหม่ทั้งอเมริกาและยุโรประบุตรงกันว่า เป็นอารมณ์ที่ไร้ประสิทธิภาพ  และผู้เขียนก็เห็นว่าอารมณ์นั้นไม่น่าจะตรงตามเจตนาแท้จริงในการสร้างแผ่นป้ายความฝัน  ซึ่งท่านให้สร้างขึ้นจากความใฝ่ฝันของเรา และอนุญาตให้ฝันอย่างไร้ขีดจำกัด ว่า เราอยากได้ชีวิตแนวใด ในระยะไม่กี่ปีข้างหน้านี้

จะขอเรียกแผ่นป้ายนี้ตามภาษาฝรั่งเศสว่า แผ่นป้ายความฝัน  และทั้ง ๆ ที่ผู้เขียนไม่ชอบ ระบำแฟนตาเซียแทบทุกชนิด  แต่กรณีนี้ ถ้าท่านผู้อ่านบางท่าน นึกอยากจะเรียกแผ่นป้ายนี้ว่า ป้ายแฟนตาเซีย  ผู้เขียนก็ไม่ข้องใจ

เนื่องจากหลาย ๆ ท่านทราบเรื่องแผ่นป้ายความฝันดีอยู่แล้วและอาจจะดีกว่าผู้เขียน  เพราะเรื่องนี้มีผู้นำเสนอไว้มากทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ  ดังนั้น จะขออนุญาตแนะนำต่อท่านที่ยังไม่คุ้นกับเครื่องมือชนิดนี้ ด้วยการเขียนจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนเอง จะได้ไม่ซ้ำกับที่ท่านอื่น ๆ นำเสนอ ซึ่งดูเหมือนว่าที่พันธ์ทิพย์ดอทคอมก็จะมีโพสต์กันไว้แล้ว  ผู้เขียนจะขอเลี่ยงเป็นเล่าให้ท่านฟังว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ตัวผู้เขียนเองสร้างแผ่นป้ายความฝัน สำหรับชีวิตแฟนตาเซียวันข้างหน้าของตนขึ้นไว้อย่างไร  อนึ่ง เกี่ยวกับการพัฒนาตนนั้น ถ้าเราดีแต่ยุให้เพื่อนฝูงทำ แต่ตัวเองไม่ทำ ก็จะกระไรอยู่  

เพราะเป็นความฝัน ไม่ใช่การวางแผนหรือการตั้งเป้า  จึงไม่ต้องมีกำหนดเวลา  บางทีถ้านัดเวลาเอาไว้ ความเครียดอาจจะเกิด  การสร้างแผ่นป้ายชนิดนี้ผู้รู้หรือกูรู-guru-ท่านให้เราฝันได้โดยไร้ขอบเขต หรือถ้าจะมีข้อจำกัดอยู่ในใจบ้าง-ก็ให้มีน้อยที่สุด  ท่านต้องการให้ผู้เขียนและท่านผู้อ่านที่คิดจะทำป้าย รู้สึกสนุกสนานบันเทิงกับการสร้างแผ่นป้าย

ผู้เขียน เริ่มบันเทิงด้วยการไปซื้อแผ่นป้ายปลาสติค จากร้านเครื่องเขียนมาแผ่นหนึ่ง กว้างประมาณ 60 เซนติเมตร ยาวประมาณ 120 เซนติเมตร โดยเลือกแผ่นสีน้ำเงิน  ถ้าท่านผู้อ่านจะสร้างไว้ใช้เองบ้าง ท่านจะเลือกป้ายสีอะไรก็สุดแล้วแต่ใจท่าน

ครั้นถึงวันตลาดนัด เฉพาะนัดวันอังคาร ตลาดนัดใกล้หมู่บ้านจะมีพ่อค้ามาวางขายนิตยสารเก่า ๆ  เขาขายสามเล่มร้อย  ผู้เขียนก็จะไปเดินเกร่ดูแผงแม็กกาซีนแบกะดิน หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดดูแล้วเลือกเอาเล่มที่มีรูปถูกใจ  ไปเดินตลาดนัดอยู่สองสามนัด จึงได้นิตยสารตามต้องการทั้งไทยและเทศมาสี่ห้าเล่ม

กิจกรรมต่อมาก็คือ นั่งเลือกตัดภาพจากนิตยสารเหล่านั้น เก็บรวมไว้ในซองปลาสติค ได้ทั้งหมดประมาณเกือบสามสิบรูป  แต่ในที่สุดรูปที่เลือกใช้แปะบนแผ่นป้ายจริง ๆ มีราว ๆ ยี่สิบภาพเท่านั้น พอสร้างแผ่นป้ายเสร็จแล้ว ยังมีภาพเหลืออยู่ในซองอีกหลายรูป

ภาพที่ปิดไว้บน แผ่นป้ายความฝัน แผ่นปัจจุบันของผู้เขียน  มีรูปอะไรบ้าง จะขอเล่าสู่กันฟัง

ภาพดอกชบาดอกโต ดอกเดียวเดี่ยว ๆ หนึ่งดอก สีส้มอ่อน ๆ  ผู้เขียนมีไว้เตือนใจตัวเองเกี่ยวกับการเรียนภาษาอินโดเนเซีย ที่ตั้งใจไว้ว่าจะอ่านและพูดให้ได้ ในระดับพอแก่การท่องเที่ยว ภายในระยะเวลาสามปีนับจากนี้  โดยที่อัตราการเรียนรู้คำศัพท์ในระยะแรกอยู่ที่ประมาณเดือนละหนึ่งร้อยคำ  ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต่อไปจะได้หน้าลืมหลังหรือไม่  ความคืบหน้าจะเป็นอย่างไร

ตามปกติ ภาษาตระกูลมาเลย์เรียกดอกชบาอย่างเป็นทางการว่า บุหงา รายา และบุหงา รายา ก็คือดอกไม้ประจำชาติของมาเลเซีย  คำว่า ชบา ในภาษาไทยนั้นผู้เขียนเดาเอาเองว่า น่าจะมาจากคำเรียกดอกไม้ชนิดนี้ในภาษายาวี(ปัตตานี) ซึ่งก็เป็นภาษาตระกูลมาเลย์ภาษาหนึ่ง เรียกดอกชบาว่า ชุมเบา

เจตนาที่จะให้ภาพอะไรหมายถึงอะไร บนแผ่นป้ายความฝันของเรา ขึ้นกับตัวเราเอง คนอื่นไม่เกี่ยว  ดังจะเห็นว่า สำหรับผู้เขียนดอกชบาดอกเดียว หมายถึงการเรียนภาษาอินโดเนเซียให้ได้ภายในสามปี โดยกะว่าจะจำศัพท์ให้ได้ในระยะแรก ๆ สักเดือนละร้อยคำ เป็นต้น  แต่ถ้าคนอื่นผ่านมาพบเห็นแผ่นป้าย  เขาจะไม่รู้หรอกว่า ดอกชบาดอกนั้นหมายถึงอะไร

อีกภาพหนึ่งบนแผ่นป้ายความฝัน เป็นรูปพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ จอร์จ ปอมปิดู ในปารีส  ภาพนี้เพื่อเตือนว่า ยังอยากจะไปเที่ยวปารีสอีกในวันข้างหน้า พร้อมกับมีรูปสถานีรถไฟ การ์ ดู นอร์ด ในปารีส ซึ่งเป็นสถานีรถไฟสายเหนือ มีปลายทางในประเทศยุโรปเหนือ  พร้อมรูปกับขบวนรถด่วนเตเจเวสีเลือดหมู  ซึ่งก็หมายถึงความฝันที่จะได้เดินทางท่องยุโรปทางรถไฟ  และผู้เขียนได้หาภาพที่มีชื่อสายการบิน แอร์ ฟรานซ์  มาแปะกำกับไว้ด้วย  ซึ่งก็หมายถึงการเดินทางจากเมืองไทยไปฝรั่งเศสหรือไปยุโรป  แต่ก็ไม่เจาะจงจะไปกับสายการบิน แอร์ ฟร้านซ์  เพราะอาจเดินทางกับสายบินตั๋วถูก หรือตั๋วโปรโมชัน ก็ได้  หรืออาจจะหาหนทางหาตั๋วฟรีจาก แอร์ ฟร้านซ์ ก็ได้ใครจะรู้  หรืออาจจะหาทางนั่งรถไฟไปจากพม่า ก็ได้-ใครจะรู้

ภาพพระพุทธรูปโบราณ นั่งอยู่บนฐานที่ตั้งเป็นกองอิฐเก่า ที่อยุธยา  ก็เพื่อเตือนตนว่าให้พยายามยึดทางสายกลางในการดำเนินชีวิต  ทั้งนี้มิใช่ต้องการจะนิพพานดอกนะ แค่ขอเดินทางสายกลางเท่านั้น  ที่สำคัญคือขอให้ชีวิตมีสติ ไม่ปล่อยเรื่อยเปื่อยแบบโอโตไพล็อต  เพราะถ้าใช้ชีวิตแบบโอโตไพล็อต ความฝันจะไม่มีวันกลายเป็นจริง

ภาพเงินดอลลาร์ เพื่อเตือนตนว่า--อยากรวย ขอให้ได้รวยเข้าสักวันหนึ่งเถิด เจ้าประคู้ณณณ 

ภาพคอนโดชายทะเลภูเก็ต พร้อมภาพภายในคอนโด มีห้องนอน ห้องทำงาน ห้องอาหาร  แต่ละรูปไม่ได้ตัดมาจากนิตยสารเล่มเดียวกัน เพียงแต่ผู้เขียนจับมาปะไว้ด้วยกันบนแผ่นป้ายความฝัน  บางรูปตัดมาจากหน้านิตยสารที่เขาโฆษณาขายคอนโด-อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ จำไม่ได้

ภาพผักผลไม้ เพื่อชวนให้เราระลึกว่า กินผักผลไม้เยอะ ๆ แหละดี

รูปโบสถ์แห่งหนึ่งในอเมริกาใต้ อาจจะเป็นประเทศเปรูหรือโบลิเวีย  เนื่องจากตนเองพูดและอ่านภาษาสเปนออก พูดได้จริงไม่ใช่โม้  ก็ยังนึกอยากจะเดินทางท่องอเมริกาใต้ – เคยไปเม็กซิโกมาแล้วสองครั้ง นอกนั้นยังไม่เคยไป  อยากไปเที่ยวกรุงบวยโนสแอเรส และเดินทางข้ามทุ่ง ลา ปัมปา ในอาเจนตินา  อยากไปเที่ยวประเทศชิลี ที่มีนักเขียนรางวัลโนเบลถึงสองคน  และยังอยากไปทัศนาจรแคว้นอัลดาลูเซีย ในสเปนอีก หลังจากที่เคยไปมาแล้วสามสี่ครั้ง แต่ก็ยังท่องเที่ยวไม่ทั่วและอยากกลับไปอีก

นอกนั้น บนแผ่นป้ายความฝันแผ่นใหม่ล่าสุดของผู้เขียน ก็มีรูปอื่น ๆ เช่น ภาพจากประเทศภูฐานรูปหนึ่ง รูปอาหารตุ๋นยาจีนรูปหนึ่งซึ่งผู้เขียนเห็นว่าเป็นอาหารอมตะที่น่าสนใจ  รูปคนสองสามรูป เพราะว่าคนเป็นสิ่งมีชีวิตที่สำคัญสำหรับเรา ฯลฯ  พอสร้างแผ่นป้ายความฝันเสร็จ  ผู้เขียนก็แขวนไว้ในบริเวณที่เห็นได้ง่าย มีแสงสว่างพอเพียง ไม่ไกลโต๊ะเขียนหนังสือ  แผ่นป้ายความฝันกลายเป็นที่พักสายตาจากหน้าจอ คอมพิวเตอร์ได้อีกแหล่งหนึ่ง เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยเบนสายตาออกไปดูต้นไม้ใบหญ้า นอกหน้าต่างบ้าน

แรก ๆ ผู้เขียนสงสัย เหมือนกับที่ท่านผู้อ่านบางท่านที่ยังไม่เคยสร้างแผ่นป้ายความฝัน  อาจจะคิดข้องใจอยู่ในบัดนี้  คือนึกไม่ออกว่าการมองดูแผ่นป้ายความฝัน จะทำให้เราพบกับฝันที่กลายเป็นจริงได้อย่างไร - ถ้าเราไม่ลงมือทำอะไร  เรื่องนี้ผู้รู้อธิบายว่า การลงมือทำนั้นเราต้องทำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าแผ่นป้ายฯจะคอยให้กำลังใจเรา จะคอยเตือนสติเราเกี่ยวกับเรื่องที่เราปรารถนา จะคอยประโลมใจเรา ทำให้เราแจ่มชัดไม่พร่ามัวกับความฝันของเรา ประคับประคองจิตใจเราไปในทิศทางแห่งความสุขที่เราปรารถนา 

รุ่งเช้าตื่นขึ้นมา เราก็ได้พบกับแผ่นป้ายความฝัน ซึ่งถ้าจะให้เรานึกเอาเอง เช้า ๆ ยังงัวเงียเราคงจะนึกอะไรไม่ใคร่จะออก หรือนึกออกแต่ไม่ครบถ้วน  บางทีอาจนึกเห็นเพียงภาพเดียวหรือสองภาพ  ผู้รู้ท่านบอก-และเมื่อผู้เขียนสร้างป้ายเสร็จ ก็เห็นด้วยกับท่าน-คือรูปภาพในแผ่นป้ายจะซึมเข้าในจิตใจ หรือพันอยู่กับเซลสมอง เช่น เราอยากรวย เราเห็นภาพเงินดอลลาร์อยู่บนแผ่นป้าย  ทำให้จิตใจเราไม่ว่อกแว่กไปจากความอยากรวย  สำหรับผู้เขียน-ภาพธนบัตรดอลลาร์บนแผ่นป้ายความฝัน ทำให้ผู้เขียนใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง ไม่อีลุ่ยฉุยแฉก  แม้เราจะไม่ร่ำรวยขึ้นมาในบัดดล เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่แผ่นป้ายจะบันดาลให้เราได้  แต่เราก็จะเดินไปในทิศทางแห่งความร่ำรวย อันได้แก่การรู้จักประหยัด

ตั้งแต่มีแผ่นป้ายความฝัน ผู้เขียนรู้สึกสบายอกสบายใจ  ความสุขใจก็เป็นความรุ่มรวยอย่างหนึ่ง  เพราะความรวยไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะเรื่องเงินทอง  ผลทางจิตใจของเครื่องมือชนิดนี้มีอย่างชนิดคาดไม่ถึง มากกว่าที่เคยคิดไว้แต่ต้น – พูดจริงไม่ใช่แกล้งพูดเพื่อโปรโหมด  ก็เลยเขียนมาเล่าสู่ แบ่งปันกับท่านผู้อ่าน  อยากเห็นท่านลองทำใช้ดูบ้าง เผื่อว่าอาจจะถูกโฉลกช่วยให้ท่านมั่งมี  ถ้าท่านมั่งคั่งอยู่แล้วก็อาจทำให้ท่านสุขกายสบายใจยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก  หรือถ้าท่านรวยแล้วและแถมยังมีความสุขสมบูรณ์ดีทุกอย่าง แผ่นป้ายความฝันก็อาจช่วยให้ท่านได้ไปสวรรค์นิพพาน หรือหายจากโรคมะเร็งตับ

รวยก็รวย แถมมะเร็งตับก็ไม่เป็น  ถ้างั้น--ยังงัยก็ขอให้ท่านหายจากมะเร็งเต้านม แล้วกัน

ท้ายที่สุด ถ้าท่านโคตรรวยและสุขอย่าบอกใครเชียว แถมมะเร็งตับกับมะเร็งเต้านมก็ไม่เป็น  ก็ขอให้แผ่นป้ายความฝัน ช่วยอย่าให้ท่านต้องติดตะราง แล้วกัน

หรือถ้าจะติดตะราง ก็ขออย่าต้องไปอยู่ห้องเดียวกับ ดา (ผู้อยากมี)ตอร์ปิโดร์  ละกัน หนูล่ะ
กลัวตอร์ปิโดของแก ค่ะ

ตอร์ปิโด?  ว๊าย-ห่นหลี!



--------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ – บทความสั้น ชุดปกิณกะชีวิต ตั้งว่าจะเขียนเดือนละบทสองบท อาจพลาดพลั้งผิดนัดบ้าง โปรดอภัย จะโพสต์เผยแพร่ตลอดปี 2558 ครับ ที่บล็อก www.pricha123.blogspot.com

ปกิณกะชีวิต บทอื่น ๆ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น