open letter no 2

Chicago 2 why Chicago

Chicago 2 ทำไม ผมต้องดัดจริต ฟังวิทยุชิคาโก ด้วย? ๑.    ผมติดนิสัยชอบฟังวิทยุตปท. จากแดนไกลเป็นนิสัยมาแต่มัธยม เพื่อฝึกภาษา ประกอบกับมีผู...

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ประกาศ เด็กหาย-เอ๊ย ไม่ใช่ -ประกาศหาผู้พิมพ์ครับ

วันที่ 15 สิงหาคม 2557

เรียน ผู้บริหารสำนักพิมพ์ ผู้พิมพ์ เอกชนผู้สนใจจะพิมพ์หนังสือ สถาบันสื่อและธุรกิจสื่อ

          ผมมีหนังสือมาเสนอ เพราะปรารถนาจะเผยแพร่ ผ่านการตีพิมพ์หรือผ่านธุรกิจออนไลน์ ดังนี้ครับ

1)   “ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ – เศรษฐศาสตร์แบบเคนส์”

เกี่ยวกับหนังสือ – หนังสือเกี่ยวกับ: เล่าเรื่องความเป็นมา ว่าทำไมถึงได้เกิดเศรษฐศาสตร์แบบเคนส์  และเศรษฐศาสตร์แบบเคนส์นั้น คืออย่างไร?  มีเนื้อหาเกี่ยวกับเศรษฐกิจภาพรวมหรือเศรษฐศาสตร์มหภาค และประวัติศาสตร์เศรษฐกิจสมัยใหม่  เก็บข้อมูลความรู้มาเล่า-จากชั้นเรียนในมหาวิทยาลัย บวกกับการค้นคว้าเพิ่มเติม ตามอัธยาศัย

ทำไม ถึงได้น่าสนใจ สมควรแก่การตีพิมพ์ หรือเผยแพร่แบบออนไลน์: เพราะว่า แนวทางการบริหารเศรษฐศาสตร์ระดับชาติ ของทุกประเทศในโลกในเวลานี้ ล้วนแล้วแต่อาศัยเค้าร่างของ เศรษฐศาสตร์แบบเคนส์ทั้งนั้น  แนวทางการบริหารเศรษฐกิจระดับชาติแบบคอมมิวนิสต์นั้น ล้มเหลวไปหมดแล้ว ดังนั้น การไม่เข้าใจระบบเศรษฐกิจแบบเคนส์ ก็คือ ไม่เข้าใจระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบันทั้งโลก ก็คือมีปัญญามืดบอดเรื่องเศรษฐกิจ ฟังข่าวสารต่าง ๆ ก็ไม่เข้าใจ  ไม่รู้ว่าอะไร มันเกี่ยวกับอะไร ทำไมมันต้องเป็นข่าว ไม่เห็นมีใครตายสักคนเดียว – อะไรประมาณนั้น  แล้วเวลานี้ข่าวสารเศรษฐกิจครองพื้นที่สื่อทั่วโลก มิใช่น้อยเลย  ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์แบบเคนส์ ก็เท่ากับว่าพื้นที่สื่อส่วนนั้น  ถูกสมองของเราเองแท้ ๆ คอยเซ็นเซ่อร์ข่าวสาร คอยเอาหมึกดำป้ายข่าวสารทิ้งไปเป็นแถบ ๆ  โลกซีกหนึ่งของเรา เป็นมุมมืด 


หากเราต้องประกอบอาชีพเกี่ยวกับคนจำนวนมาก ๆ เช่น นักหนังสือพิมพ์ นักข่าว คอลัมนิสต์ นักการเมืองระดับประเทศ เช่น ส.ส. หรือ ส.ว. ครูบาอาจารย์ นักโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือผู้บริหารธุรกิจระดับกลางและระดับสูง หรือผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารเทศบาล หรือข้าราชการระดับอธิบดีขึ้นไป ที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ซึ่งน่าจะพอมีความรู้เรื่องเศรษฐกิจมหภาค  แต่แล้วถ้าเรามีสมองที่มีแต่จะคอยเซ็นเซ่อร์ข่าวสารเศรษฐกิจให้กับตัวเอง โดยป้ายหมึกดำอัตโนมัติเป็นปื้น ๆ  ไม่ต้องมีเผด็จการที่ไหนมาคอยเซ็นเซอร์ เพราะไม่มีใครเซ็นเซอร์เราได้ ดีเท่ากับตัวเราเองหรอก – หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เรา สลัดโซ่ตรวน แห่งความมืดบอดข่าวเศรษฐกิจเมืองไทยและจากทั่วโลก ได้บ้างไม่มากก็น้อย

เกี่ยวกับผู้เขียน: นายปรีชา ทิวะหุต  ปริญญาตรี -- คณะเศรษฐศาสตร์-หลักสูตรภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  จบการศึกษาแผนกเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ สอบจบได้ลำดับที่หนึ่ง เกียรตินิยมดี  จากนั้นเรียนปริญญาโท -- ภาควิชาสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิคาโก – The University of Chicago, สหรัฐอเมริกา เคยนั่งเรียนในชั้นทฤษฎีราคา ของ ศาสตราจารย์ มิลตัน ฟริดแมน ผู้ได้รางวัลโนเบล สาขาเศรษฐศาสตร์  การศึกษาเพิ่มเติม – ด้านบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยบอร์โดส์ – L’Université de Bordeaux, Bordeaux, France  อาศัยอยู่ในฝรั่งเศสเกือบห้าปี  ภาษาที่ใช้ได้: ไทยและภาษาไทยใต้ อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน ที่อ่านออก – ฮินดี/สันสกฤต ที่เขียนด้วยอักขระเทวะนาครี  เป็นคนที่เชื่อว่า เรื่องทุกเรื่องที่เราเข้าใจ เราย่อมมีทางที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจง่าย ๆ ได้   ประสบการณ์ – งานวิจัยเศรษฐกิจ ในธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง  ผู้จัดการฝ่ายการธนาคารต่างประเทศ ในธนาคารพาณิชย์อีกแห่งหนึ่ง  ผู้จัดการฝ่ายการเงิน ในธุรกิจข้ามชาติแห่งหนึ่ง ในกรุงบรัซเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม 

นอกจากจะชอบภาษาแล้ว ก็ชอบเดินทางท่องเที่ยว – ไม่รู้เหมือนกันว่า สิ่งไหนมาก่อนสิ่งไหนมาหลัง เพราะว่าชอบภาษา ก็เลยชอบเดินทาง หรือว่าเพราะว่าชอบท่องเที่ยว ก็เลยชอบภาษา 

หวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้ ไม่ถูกมองว่าเป็นการขี้โม้ อาจจะโม้นิดหน่อย – ขออภัย  แต่โดยหลักก็เสนอมาเพื่อประโยชน์ในการแนะนำผลงานหนังสือและผู้เขียน ต่อท่านผู้ที่จะอ่าน  และไม่เคยเปิดเผยข้อมูลมากอย่างนี้ ในทางสาธารณะ ที่ไหนมาก่อน  แต่เดี๋ยวนี้นักเขียนจำเป็นต้องทำ เพื่อช่วยผู้พิมพ์เขาขายหนังสืออีกโสตหนึ่ง  ปัจจุบันผู้เขียน เขียนหนังสือและทำสวน อยู่กับบ้านเล็กริมห้วย-ที่ปักษ์ใต้ โอ่ โอ ปักษ์ใต้บ้านเรา แม่น้ำ ภูเขา ทะเลกว้างไกล ฯลฯ  ไม่ต้องร้องต่อ หลาย ๆ ท่านทราบเนื้อเพลงดีอยู่แล้ว ถ้าไม่แน่ใจ โปรดเคาะฟังที่ยูทูบ – ขอบคุณครับ
   
2)   “รู้จักมีมารยาทกันซะมั่ง-เด็กเปรต”

เกี่ยวกับหนังสือ – หนังสือเกี่ยวกับ: หนังสือเล่มนี้ช่วยประมวล ศิลปะและปรัชญาพื้นฐานเล็ก ๆ น้อย ๆ แห่งการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างคนด้วยกันในชีวิตประจำวัน  นำมาทบทวนและนำเสนอด้วยสไตล์ที่เอาใจวัยรุ่น และสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่--ทุกวัย  ทั้งนี้โดยผ่านใช้โวหารและสไตล์การนำเสนอ ที่คาดว่าจะเป็นที่น่าสนใจแก่คนรุ่นนี้  ซึ่งถ้ามีการตีพิมพ์ขึ้นใหม่ ก็จะได้ทำบรรณาธิกร(editing)ให้ใหม่ กับขยายออกไปคลุมถึงความประพฤติในอินเตอร์เนต ให้มากขึ้น   

ทำไม ถึงได้น่าสนใจ สมควรแก่การตีพิมพ์ หรือเผยแพร่แบบออนไลน์: เพราะว่า เคยได้ยินผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของผู้เขียน ปรารภให้ฟังว่า “คนไทยสมัยนี้ ขอบใจคนไม่เป็น”  การที่คนในสังคมขาดมารยาทอันดีงาม  ทำให้สังคมนั้นมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งโดยไม่จำเป็น และปัจเจกชนก็สูญเสียประโยชน์ และเสียโอกาสที่ดีอันพึงได้ในชีวิต  ดังคำพังเพยที่ว่า วิวาทกันด้วยเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง  จนบางครั้งเรื่องสำคัญจริง ๆ ซึ่งคนน่าจะวิวาทกัน กลับถูกละเลยเพิกเฉย หาคนทะเลาะด้วยไม่ได้ เพราะคนหมู่มากมัวแต่ทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ  อีกประการหนึ่ง ซึ่งสำคัญมาก การรู้จักมีมารยาทกันเสียบ้าง จะช่วยให้สังคมน่าอยู่ขึ้น โดยที่ไม่ต้องลงทุนปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างใด ๆ ขึ้นมา หรือไม่ต้องเร่งแอร์บนรถเมล์ หรือเร่งแอร์ในสำนักงาน ให้สิ้นเปลืองค่าไฟฟ้าหรือค่าน้ำมัน

มารยาทแต่เดิมเป็นเรื่องเกี่ยวกับ “กิริยา” ของผู้ลากมากดี หรือคนมีวัฒนธรรม เช่น สมบัติผู้ดี เป็นต้น  แต่ปัจจุบันนี้ เรื่องได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทักษะเกี่ยวกับมนุษย์ -- people skills หรือทักษะในการสมาคม -- social skills  ได้รับการเอาใจใส่มากขึ้นตามโรงเรียนบริหารธุรกิจทั้งหลาย  และแม้กระทั่งในการศึกษาระบบโรงเรียนสามัญ หรือแม้กระทั่งในบ้านบางครอบครัว ก็เอาใจใส่อบรมสั่งสอน กุลบุตรกุลธิดา  เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ฝึกใช้ทักษะอันสำคัญชนิดนี้  แทนที่จะนั่งสั่นหัวดิก--เวลาไม่ต้องการสิ่งใดที่เขาหยิบยื่นให้  หรือนั่งพยักหน้าหงึก--เมื่อชอบใจสิ่งที่เขายื่นให้ ก็ให้รู้จักที่จะตั้งศีรษะไว้ให้ตรง แล้วกล่าวคำว่า-ขอบคุณครับ/ค่ะ เป็นต้น

อีกประการหนึ่ง เด็กที่รู้จักกล่าวคำว่า “ขอบคุณครับ/ค่ะ” เป็นเด็กรุ่นใหม่ทันสมัย  ส่วนพวกที่ สั่นหัวดิก กับ พยักหน้าหงึก เป็นเด็กไดโนเสาร์  ถ้าไม่เชื่อ—ก็ลองเริ่มสังเกตดู แล้วกัน

เกี่ยวกับผู้เขียน: แดง ใบเล่  นามปากกาของนักเขียนคนข้างบน  หนังสือที่ได้รับการตีพิมพ์มากครั้งที่สุดในนามปากกานี้ คือ แฮปปีไลฟ์  ตีพิมพ์ประมาณแปดหรือเก้าครั้ง ในรอบสิบปีเศษ  สำหรับเรื่องมารยาทนั้น เนื่องจากสมัยเด็ก ๆเคยถูกดุด่าว่ากล่าวเรื่องมารยาทไม่มี หรือมี-แต่ไม่ดี  เป็นพวกนั่งพยักหน้าหงึกกับสั่นหัวดิก  โตขึ้นจึงหาทางแก้แค้นตัวเอง ด้วยการเขียนหนังสือเล่มนี้   

3)   “ไวยากรณ์อังกฤษ สำหรับนักเรียนไทย”

เกี่ยวกับหนังสือ – หนังสือเกี่ยวกับ: เรียบเรียงขึ้นจากประสบการณ์การใช้ภาษาอังกฤษในชีวิต ในการประกอบอาชีพ ในการเดินทางท่องเที่ยว  ตลอดจนได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม  รวมทั้งเก็บตกจากประสบการณ์ ที่เคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษแก่นักเรียนไทยระดับป.ว.ช.  ผู้เขียนยังคงอนุรักษ์ไวยากรณ์อังกฤษรูปแบบดั้งเดิม ตามแนวที่สอนกันมา และพิสูจน์ด้วยการใช้งานมานาน  เพราะเห็นว่า เป็นแนวทางที่ชัีดเจน แน่นอน เข้าใจง่าย 

ผู้เขียน/เรียบเรียง เป็นคนรักภาษา และใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองมาแต่เยาว์วัย เพราะเมื่อไปเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ ผู้ใหญ่ให้ไปเรียนติวภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก  ต่อมาผู้ที่กรุงเทพฯอีกท่านหนึ่ง ทำอพาร์ทเมนต์ขนาดเล็กให้ฝรั่งเช่าอยู่  พวกเด็ก ๆ มาอยู่เฝ้าดูแลอพาร์ตเมนต์  ส่วนผู้ใหญ่อยู่บ้านที่สุขุมวิท  ต่อมา ผู้เขียนก็โชคดีมีโอกาสได้เรียนปริญญาตรีหลักสูตรภาษาอังกฤษ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  หลังจากนั้นเรียนปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก สหรัฐอเมริกา โดยได้ประกาศนียบัตรรับรองความรู้ภาษาอังกฤษ ไปจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ทำไม ถึงได้น่าสนใจ สมควรแก่การตีพิมพ์ หรือเผยแพร่ออนไลน์: เพราะว่า ถึงแม้ว่าเวลานี้ โรงเรียนชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศ ต่างก็มีครูต่างประเทศมาสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดี น่าชื่นชม  อย่างไรก็ดี ผู้ที่สำเร็จการศึกษามาจากระบบโรงเรียน หรือสำเร็จระดับปริญญาตรี  แต่ต้องการศึกษาปริญญาโท หรือเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ  การที่จะมีหนังสือไวยากรณ์อังกฤษ เขียนด้วยภาษาไทย ใช้ภาษาไทยเป็นสื่อการสอน ไว้เป็นคู่มือสักเล่ม  น่าจะช่วยให้อุ่นใจได้บ้าง – เพราะการสืบค้นทางอินเตอร์เนตมักจะได้รับข้อมูลไม่ละเอียดสมบูรณ์เพียงพอ และจะเปิดพลิกดูก็ทำไม่ได้สะดวกเท่าหนังสือที่ตีพิมพ์เป็นเล่ม  อีกประการหนึ่ง คนไทยน่าจะสอนไวยากรณ์อังกฤษได้ดีกว่าที่ฝรั่งจะสอน ด้วยเหตุผลธรรมดา ๆ ว่า ผู้สอนเป็นเจ้าของภาษา(ภาษาไทย)ที่ใช้เป็นสื่อการสอน จึงสามารถที่จะอธิบายให้นักเรียนเข้าใจ ได้ง่ายกว่าที่ฝรั่งจะอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ

ในฐานะที่ผู้เรียบเรียง/ผู้เขียน เป็นนักเรียนภาษาภาษาต่างประเทศ คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสเปน ภาษาจีนกลาง และภาษาสันกฤต/ฮินดี  และเคยเรียนภาษาญี่ปุ่น  จึงได้รู้จากประสบการณ์การเรียนภาษาว่า ถ้าเราจะพัฒนาความรู้และทักษะภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ให้ดีขึ้นได้นั้น จำเป็นเหลือเกินที่เราจะต้องรู้ไวยากรณ์ของภาษานั้น  มิฉะนั้น ภาษาอังกฤษของเราจะย่ำอยู่กับที่ ไม่สามารถที่จะก้าวพ้นจากระดับ “Long time no see. I love you too much. Big honey. Bye-bye, no money, no go.”

ข้อมูลเพิ่มเติม – เว็บไซด์แห่งหนึ่งในประเทศพม่า เขาสร้างรายการยูทูบขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษ แล้วบอก ว่า “คนที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ จะไม่มีวันได้รู้อะไรจริง”
เนื่องจากผู้เขียนเป็นคนรู้หลายภาษา ครั้นจะไปรับรองว่า พม่าคนนี้พูดถูก ก็จะกระไรอยู่ – กลายเป็นว่า หน้าด้านพยายามจะยัดเยียดขายหนังสือไวยากรณ์อังกฤษของตัวเอง  จึงขอให้ท่านผู้อ่านคิดเอาเองแล้วกัน

เกี่ยวกับผู้เขียน: นายปรีชา ทิวะหุต  เรื่องภาษาเป็นเรื่องที่ผู้เขียนสนใจมาแต่เด็ก  และยังสนใจอย่างสม่ำเสมอ  ทุกวันนี้ ยังคงใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันผ่านทาง อินเตอร์เนต  เคยมีครูไทยที่สอนภาษาอังกฤษได้ดี น่าประทับใจ  ตั้งใจมานาน ว่าสักวันหนึ่งจะเรียบเรียงหนังสือไวยากรณ์อังกฤษสำหรับนักเรียนไทย สักเล่มหรือสองเล่ม หรืออาจจะสาม – ถ้ามีโอกาส

4)   “การต่อรอง อย่างถึงราก”

เกี่ยวกับหนังสือ – หนังสือเกี่ยวกับ: การต่อรองอย่างสมเหตุสมผล โดยที่ต่างฝ่ายต่างได้รับประโยชน์มากกว่าที่คิด—ด้วยกันทั้งสองฝ่าย  เป็นรูปแบบการต่อรองที่ค้นคว้าวิจัยและสร้างหลักการ โดยสถาบันการต่อรอง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด  ปัจจุบันแนวทางการต่อรองแนวนี้ ถูกเรียนรู้ และใช้กันทั่วโลก  ทั้งด้านการทูตระหว่างประเทศ องค์การการค้าโลก การเมืองภายในประเทศ ระบบสถิตยุติธรรม ธุรกิจน้อยใหญ่ทั้งปวงที่เข้าถึงองค์ความรู้นี้ รวมทั้งในชีวิตประจำวัน และชีวิตครอบครัว ของคนจำนวนมาก

ทำไม ถึงได้น่าสนใจ สมควรแก่การตีพิมพ์ หรือเผยแพร่ออนไลน์:
เพราะว่า การต่อรองแบบเก่า เป็นการต่อรองชนิดยึดจุดยืน ไม่ว่าจะเป็นการต่อรองในครอบครัว ในหมู่ญาติมิตร หรือในธุรกิจ  ซึ่งไม่ช่วยให้แต่ละฝ่ายได้รับผลที่ดีเต็มที่และสมประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย  ทั้งยังไม่คำนึงถึงการธำรงไว้ซึ่งสัมพันธภาพที่ดีระหว่างคู่ต่อรอง -- เมื่อการต่อรองจบลง  การต่อรอง อย่างถึงราก จึงเป็นความรู้ใหม่ หรือความรู้เก่าแต่จัดรูปเสียใหม่  ที่ได้กลายเป็นทักษะสังคม – social skill และทักษะบุคคล – people skill อันจะขาดเสียมิได้ ถ้าต้องการมีชีวิตส่วนตัว และชีวิตธุรกิจ-การทำมาหากิน อย่างเป็นสุขพอสมควรในโลกปัจจุบัน ที่ทุกคนเข้าถึงข่าวสาร และถูกถล่มด้วยสุนามิข่าวสาร ซึ่งความขัดแย้งเกิดขึ้นได้เพียงแค่ “คลิกเดียว” 

ตัวอย่าง ของความไร้ประสิทธิภาพ ในการต่อรองแบบยึดจุดยืน – พี่สาวน้องสาวชาวนครไชยศรี ต่อรองยึดจุดยืนเรื่องแบ่งสัมโอผลหนึ่ง ว่าจะต้องแบ่งอย่างยุติธรรม เท่า ๆ กัน  จึงผ่าส้มโอลูกนั้นออกเป็นสองซีก ๆ ละเท่า ๆ กัน

ผลปรากฏว่า เมื่อได้ส้มโอไปคนละซีกเท่า ๆ กันแล้ว  พี่สาวเอาแต่เปลือกส้ม จะนำไปเชื่อมเป็นขนม--เนื้อส้มโอทิ้งไป  ส่วนน้องสาวเอาแต่เนื้อส้มโอ ไปรับประทาน—เปลือกทิ้งไป  ต่างฝ่ายต่างเสียประโยชน์  ถ้าได้ต่อรองแบบสมเหตุสมผล อย่างถึงราก แทนที่จะยึดจุดยืนว่าต้องผ่าส้มโอออกเป็นสองซีก ๆ ละเท่า ๆ กัน  พี่สาวก็จะได้เปลือกส้ม-ทั้งลูก ไปเชื่อมทำขนม ส่วนน้องสาวก็จะได้เนื้อส้ม-ทั้งลูก ไปกิน

หนังสือเล่มนี้ เคยตีพิมพ์ครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่สมบูรณ์ดี  หากมีผู้สนใจจะเผยแพร่รอบใหม่ด้วยการตีพิมพ์หรือออนไลน์  ผู้เรียบเรียงขอเวลาสามเดือน เพื่อทำบรรณาธิกร(editing) และค้นคว้าเรียบเรียงเพีมเติม ปรับปรุงเป็นเวอร์ชันใหม่ที่จะสมบูรณ์ดีกว่าเดิม

เกี่ยวกับผู้เขียน: นายปรีชา ทิวะหุต  เมื่อแรกเข้าสู่ตลาดแรงงาน – โลกของการทำงานในภาคเอกชน  เริ่มรู้สึกว่า ตัวเองยังขาดความรู้เรื่องการต่อรอง  ทั้งการต่อรองในตลาดแรงงาน และพอเริ่มมีทรัพย์สินเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นของตนเอง ก็พบว่าการต่อรองเชิงธุรกิจของตน ก็อ่อนด้วย  จึงศึกษาจากบทความต่าง ๆ ในวารสารภาษาฝรั่งเศส ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้  แล้วในที่สุด เพื่อนผู้หนึ่งซึ่งทำงานอยู่กับ WTO ก็มีเมตตาแนะนำว่า แนวทางการต่อรองที่เป็นระเบียบระบบ ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา น่าจะเป็นหลักการที่เหมาะที่จะเรียนรู้ ไว้ใช้ประโยชน์ทั้งในชีวิตและในธุรกิจ  ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ได้เรียบเรียงโดยอิงแนวทางดังกล่าว

5)   “คำหยาบ และบทบาทของคำหยาบ ในภาษาไทย”

เกี่ยวกับหนังสือ – หนังสือเกี่ยวกับ: รูปคำหยาบเป็นอย่างไร? ที่มาและบ่อเกิดของคำหยาบอยู่ที่ไหน? คำหยาบใช้กันในทางใด? หน้าที่ของคำหยาบคืออะไร?  บทบาทของคำหยาบในภาษาไทยเป็นอย่างไร?  เนื้อหาของหนังสือจะเสนอความหมายของคำหยาบทั้งสองลักษณะ คือ ความหมายโดยพยัญชนะ(denotation) และความหมายโดยอรรถะ(connotation)  รวมทั้งความหมายทางจิตวิทยา(psychological meaning)  เราคงต้องลงมือศึกษาหาคำตอบกันอีกมาก ว่าทำไม -- เวลาเรารู้สึกอึดอัดขัดข้อง คับแค้น บรรลุโทษะ และนึกดูแคลน  เราถึงได้ร้องออกมาด้วยภาษาหยาบ – ใช้คำที่ถือกันว่าเป็นคำระดับต่ำ?  ทำไมหนอคำสบถสาบาน จึงมีรูปภาษาเช่นที่เป็นอยู่?  ทำไมสิ่งศักดิ์สิทธ์และความเชื่อในศาสนา มาสัมพันธ์ใกล้ชิดกับถ้อยคำที่ถือว่าหยาบคาย โดยเฉพาะคำหยาบส่วนที่เกี่ยวกับ คำสบถสาบาน   

ทำไม ถึงได้น่าสนใจ สมควรแก่การตีพิมพ์ หรือเผยแพร่ออนไลน์:
ภาษาไทยเป็นภาษาที่รุ่มรวยถ้อยคำที่มีความหมายโดยนัย หรือโดยอรรถะ  การศึกษาเรื่องของคำหยาบ จึงมีความสำคัญต่อการศึกษาภาษาไทยขั้นสูง  หนังสือเล่มนี้จะเสนอวิธีตีประเด็น อันเป็นการบุกเบิกให้เห็นกลไกของภาษาหยาบ  เรื่อยไปจนถึงบ่อเกิดและโครงสร้างพื้นฐาน อันกอปรกันเป็นปริมณฑลของวิชาภาษาศาสตร์  นอกจากนักศึกษาภาษาแล้ว คำหยาบยังเป็นที่สนใจของนักจิตวิทยา นักมานุษยวิทยา นักสังคมวิทยา ชาวบ้านร้านตลาด พ่อค้าแม่ขาย นักพูด นักการเมือง นักธุรกิจ ฯลฯ  ทั้งนี้ก็คงจะเป็นไปเพื่อที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จะได้รู้จักผ่อนใช้ภาษาไทย ให้ต้องตามความ ได้อย่างดียิ่งขึ้น  สมดังคำของบรมครูภาษาไทยท่านหนึ่ง ซึ่งท่านยอมรับความเป็นอยู่ของคำหยาบ ดังนี้ 

“…..คำพูดภาษาไทยชั้นเก่าชั้นใหม่  ทั้งคำแผลงและคำตรง  ให้รู้จักคำสูงและคำต่ำ  คำหยาบ  คำละเอียด  คำละเมียด  คำคะนอง  ผ่อนใช้ให้ต้องตามความ
                                                         
-พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)
         
เกี่ยวกับผู้เขียน: แดง ใบเล่  นามปากกาของนักเขียนคนข้างบน  ผู้มีความเชื่อจะผิดหรือจะถูกก็ไม่รู้มาแต่เด็ก ว่าคำหยาบ เป็นคำทีมีเสน่ห์  จึงได้ศึกษาค้นคว้าหาทางเรียบเรียงหนังสือเกี่ยวกับคำหยาบเล่มนี้ขึ้นมา  และคิดว่า ท่านจะหาอเรื่องแนวนี้อ่าน ได้ไม่ง่ายนัก

6)   “พลังงานนิวเคลียร์ เดี๋ยวนี้”

เกี่ยวกับหนังสือ – หนังสือเกี่ยวกับ: หนังสือ “พลังงานนิวเคลียร์ เดี๋ยวนี้”  เริ่มด้วยเรื่องราวของการพัฒนา นิวเคลียร์พลเรือน ในสหรัฐอเมริกา ในระยะระหว่างครึ่งศตวรรษที่แล้ว  เดินเรื่องต่อไปด้วยการอภิปรายภาพอนาคต หากอนาคตด้านพลังงานของสหรัฐฯ ถูกฉุดลากด้วยต้นความคิดดังระบุไว้ในพ.ร.บ.พลังงาน ค.ศ.2005  ตามท้องเรื่องท่านผู้อ่านจะพบว่า เหตุใดพลังงานจากปรมาณูจึงสำคัญขั้นอุกฤษฏ์  และท่านจะได้ทราบด้วยว่า ทำอย่างไร เราจึงจะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานอย่างปลอดภัยให้แก่ระบบพลังงานของชาติ(สหรัฐฯ)ได้ในวันข้างหน้า

ทำไม ถึงได้น่าสนใจ สมควรแก่การตีพิมพ์ หรือเผยแพร่ออนไลน์:
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแปล โดยขออนุญาตถูกต้อง จากต้นฉบับภาษาอังกฤษซึ่งเขามีเจตนาจะเผยแพร่ความรู้ เรื่องพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ให้แก่สาธารณชนชาวอเมริกัน  แต่หนังสือเล่มนี้ก็น่าจะเป็นความรุ้พื้นฐานเกี่ยวกับไฟฟ้านิวเคลียร์ให้แก่คนไทยได้  เพื่อให้เห็นความสำคัญของพลังงานจากนิวเคลียร์  ซึ่งเราจะมองข้ามได้อย่างไรกัน  ในเมื่อพลังงานนิวเคลียร์มีประวัติการดำเนินงาน โดยส่วนมาก มาอย่างปลอดภัย  มีอุบัติเหตุเพียงน้อยครั้ง  เทคโนโลยีนิวเคลียร์สามารถผลิตพลังงานมากมาย ขึ้นจากเชื้อเพลิงน้อยนิด และราคาไม่แพง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปัจจุบันที่ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น  ขณะเดียวกันภูมิศาสตร์การเมืองก็ไร้เสถียรภาพยิ่งขึ้น  ความเข้าใจคาดเคลื่อนหลายเรื่องเกี่ยวกับพลังงานอันมีประวัติพิสูจน์กันแล้วนี้  จะถูกไขให้แจ้งด้วยสารัตถะของหนังสือ “พลังงานนิวเคลียร์ เดี๋ยวนี้”   ซึ่งจะแถลงอย่างปราศจากอคติต่อท่านผู้อ่าน  ว่าพลังงานปรมาณู จะทำหน้าที่ต้นกำลัง ให้ประเทศเรา(สหรัฐฯ)จนล่วงเข้าสู่ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดได้อย่างไร

เกี่ยวกับผู้แปล: นายปรีชา ทิวะหุต  สำนักพิมพ์ผู้จัดการได้ขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ภาษาอังกฤษ มาให้แปล  และได้แปลให้เขาเสร็จในสามเดือน  ผู้แปล-นายปรีชา สนใจติดตามโครงการณ์นิวเคลียร์ของฝรั่งเศส มาโดยลำดับ  ยังจำได้ว่า -- เมื่อฝรั่งเศสได้สิทธิ์ขาดในการสร้างเตาปฏิกรณ์ปรมาณูเป็นของตัวเอง จากบริษัท เวสติงเฮาส์ สหรัฐอเมริกา  ข่าวนี้เป็นข่าวสำคัญช่วงค่ำทางโทรทัศน์ฝรั่งเศส ว่าต่อไปนี้ เทคโนโลยีเตาปฏิกรณ์ได้กลายเป็นของฝรั่งเศสร้อยเปอร์เซ็นต์  เมื่ออยู่ในฝรั่งเศส—ก็รู้สึกทึ่งว่า พลังงานไฟฟ้ากว่าร้อยละแปดสิบ หรือเก้าสิบ ของฝรั่งเศสมาจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์  อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวไฟฟ้านิวเคลียร์ในสหรัฐฯ ซึ่งผู้แปลก็ได้ความรู้ใหม่จากการแปล  ต่อมา—เมื่อเกิดสุนามิที่ญี่ปุ่น และเกิดปัญหาเกี่ยวกับเตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้าปรมาณูของญี่ปุ่น ท่านผู้อ่านหลายคน ถามหาหนังสือเล่มนี้    


          ที่จริง ผมทำหนังสือมาแล้ว กว่า 50 เล่ม หรืออาจจะเกิน 60 เล่มด้วยซ้ำ หรือจะใกล้ร้อยก็ไม่รู้?  จำไม่ได้ว่าอะไรบ้าง – เวรกรรม  เพราะว่าบางเรื่อง เป็นเรื่องตามยุคตามสมัย พอข้ามยุคข้ามสมัยประเด็นก็เปลี่ยนไป  แต่ยังมีหนังสืออีกเล่มสองเล่ม อยากเล่าให้ฟัง ที่กำลังเขียนอยู่ในขณะนี้ ก็เป็นหนังสือที่รักจะเขียน(ปิดเป็นความลับ – ความลับคือความที่รู้อยู่คนเดียว ถ้ารู้กันสองคนถือว่าเป็นความปกปิด แต่ถ้ารู้สามคนถือว่าเป็นความเปิดเผย)  และยังมีโครงการเขียนในอนาคตอันใกล้ อีกเล่มสองเล่มเช่นเดียวกัน เช่น วิธีทำเสน่ห์ สำหรับทุก ๆ คน  เป็นต้น  แต่วันนี้ ขอรบกวนเวลาเพียงเท่านี้ก่อน--ขอบคุณครับ 

หวังว่า ท่านคงจะได้รับความเพลิดเพลิน ไม่มากก็น้อย ระหว่างที่อ่านการนำเสนอ

                                                                                       แดง ใบเล่
       (ปรีชา ทิวะหุต)





Snail mail: ปรีชา ทิวะหุต ตู้ ป.ณ. 16, ป.ณ.ไชยา, อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84110
Tel:


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น