open letter no 2

Chicago 2 why Chicago

Chicago 2 ทำไม ผมต้องดัดจริต ฟังวิทยุชิคาโก ด้วย? ๑.    ผมติดนิสัยชอบฟังวิทยุตปท. จากแดนไกลเป็นนิสัยมาแต่มัธยม เพื่อฝึกภาษา ประกอบกับมีผู...

วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555

your walking life...ชีวิตการเดิน ของท่าน

งานเขียน ส่งเสริมการเดินออกกำลังกาย เล่าเรื่องการเดินเช้าวันหนึ่ง....ของท่าน


ตอน 1 la cabaña de campo

...เช้าวันนี้ หมอกลงจัด แลเห็นละอองหมอก เป็นปุยสีขาว ไหลแทรกอยู่ระหว่างกิ่งก้าน และพุ่มใบต้นขนุนใกล้บ้าน ผู้เขียนหิ้วเป้จากแคร่ ยกขึ้นสะพายหลัง ขยับสายเป้สองสามที จนเข้าที่ อยู่กับบ่า ไหล่ และหลัง ว่านะโมสามจบ แล้วก้าวเท้าข้างที่เชื่อว่าเฮง ย่างออกจากบริเวณใต้พาไลด้านหน้าของ la cabaña de campo ลา กาบันญ่า เด กัมโป้ เรียกเป็นภาษาสเปนให้เท่...ห์ ที่จริงก็คือ กระท่อมน้อยหลังเขา นั่นเอง cabaña-กาบันญ่า ก็คือ cabin งัย เช่น กระท่อมน้อยของลุงทอม Uncle Tom's Cabin งัย ส่วน campo กัมโป้ ก็แปลว่า ชนบท งัย


เราจะออกเดินทางไปด้วยกัน เข้าไปซื้อหาเสบียงกรัง และเข้าร้านเนตในเมือง เดินกันแบบสบาย ๆ ราวสองชั่วโมงเศษก็ถึง ท่านจะได้ใช้เส้นทางที่พาดไปหว่างป่าปาล์ม ทุ่งโล่ง และหมู่บ้านสองสามหมู่ เราจะค่อย ๆ เดินในระยะแรก ท่านไม่ต้องโลภเดิน อย่าทำเป็นม้าตีนต้น แล้วพอถึงตอนปลาย ลากเท้าเดิน เราจะปรับใช้วิธีการเดินของนักเดินมาราธอน เราจะพยายามทำให้ walking life เช้าตรู่วันนี้ของเรา น่าจดจำ แม้จะไม่ถึงกับประทับใจมากมาย...
----------------------------------------------------------------
[เผยแพร่ กุมภา 20, 2555]
[...ท่านจะเผชิญ และจะต้องผจญภัยอะไรบ้าง ในสองชั่วโมงข้างหน้านี้..โปรดติดตามอ่านเรื่องราวชีวิต
ของท่านเอง ต่อไป ในการโพสต์ครั้งหน้า...ตอน 2 ดูเด่ะ ชีวิตตัวเองแท้ ๆ ยังจำไม่ได้อีก]

ตอน 2 el rio rojo

ท่านเดินเรื่อยไป ตามเส้นทางชนบท "คันทรี โรด" ผ่านป่าปาล์ม ออกสวนมังคุด เลียดดงกล้วยเล็บมือนาง แล้วผ่านสวนต้นยางน้ำ จากนั้นท่านก็ตีโค้ง เฉียดแนวไผ่ริมห้วยเล็ก ๆ el rio rojo (เอล ริโอ โรโฆ - ห้วยพ้อแดง) ท่านเดินเลียบไปตามลำห้วยคดเคี้ยวและน้ำเชี่ยว จนถึงสะพานแคบ ๆ ข้ามห้วย เรียกว่า el puente de rio rojo (ปวนเต้-puente = สะพาน) แปลรวมว่า สะพานข้ามห้วยพ้อแดง ท่านหยุดพักเหนื่อยชั่วครู่บนสะพาน ใช้มือเท้าราวสะพาน ชะโงกหน้าก้มลงมอง สายน้ำกรากเชี่ยวลอดใต้สะพาน ลำน้ำไหล

แรงจนหมุนตัวเป็นเกลียว เหมือนผีพรายบิดผ้า พอไหลพ้นใต้สะพาน ก็คลายเกลียวยืดออก กระชากตัวเป็นแนวไปตามลำห้วย ก่อนที่จะทิ้งโค้งลับตาท่านไป ทั้งนี้โดย สะพานที่ท่านยืน ยังคงอยู่ ไม่ได้โดนน้ำคาบพัดหายไปด้วย แต่ประการใด...

ท่านเดินข้าม ปวนเต้(สะพาน) ไปได้อีกไม่กี่มากน้อย ก็แลเห็นผืนน้ำแผ่นใหญ่ในทะเลสาบ โผล่วอบแวบวอมแวม โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อยู่ในระหว่างแถวต้นปาล์มด้านซ้ายเส้นทางคันทรี โรด ถึงบัดนั้น ฟ้าสว่างแจ้งขึ้น ม่านหมอกในป่าปาล์ม เริ่มม้วนตัวกลับคืนขึ้นสวรรค์ ครั้นท่านเดินถึงฝั่งทะเลสาบ หรือบึงใหญ่ หรือ el lago เวิ้งฟ้าไร้ทางปาล์ม(กิ่งและใบ)มาบัง จึงขยายกว้างออกสุดหล้า ครอบอยู่เหนือทะเลสาบดังฝาชียักษ์ เหมือนหลังคารูปโดมที่ครอบสนามอเมริกันฟุตบอล ในสหรัฐฯ ผิวน้ำเหนือบึงใหญ่นั้น ยังมีละอองหมอกขาว เป็นไอระเรี่ยลอยอยู่ราวครึ่งบึง ตะวันรุ่งยามเช้าตรู่อันอ่อนโยน สาดแสงสีทองต้องมวลแมกไม้ ที่ยืนเรียงรายอยู่ในควันหมอกจาง ๆ บนฝั่งบึงด้านตรงข้าม ย้อมสีหมู่ไม้เสียใหม่กลายเป็นทองสุกอร่าม ความงามอันวิเวกอุเบกขา ของทัศนียภาพทะเลสาบน้อย มาเหยียบเบรคกระทันหัน ตรึงโมงยามในชีวิตท่าน จนไม่ไหวติง นิ่งอยู่กับที่ หยุดนิ่งเสียยิ่งกว่าคอมมา โคล่อน หรือเซมิโคล่อน อันเป็นเครื่องหมายแสดงการสะดุดหยุดอยู่ ในภาษาเขียน แต่ว่า เป็นกาลเวลาที่ STOP และเป็นการ FULL STOP โดยแท้ จะมีก็แต่ริ้วระรอกคลื่น ที่พริ้วละเอียด กระเพื่อมน้อย ๆ ไล่กันอยู่บนผิวน้ำเท่านั้น ที่คอยเตือนให้ท่านทราบว่า นี่มิใช่ ภาพเขียนประเภท still life แต่เป็นภาพแห่งชีวิตแท้จริง ณ บัดนี้ของท่าน...
------------------------------------------------------
[เผยแพร่เมื่อ กุมภาพันธ์ 21, 2555]
(การเดินทางช่วงต่อไป ตอน 3 ท่านจะต้องผจญภัยอะไรบ้าง น่าตื่นเต้นหวาดเสียวเพียงใด เมื่อท่านเลี้ยวลงเดินตามทางเกวียน หรือ el camino ruedas ผ่านดินแดนของพวกเกาโช่ gaucho หรือ คาวบอย โปรดติดตามเรื่องราวในชีวิตจริงของตัวท่านเอง ในโพสต์ ตอน 3 ต่อไป...เร็ว ๆ นี้)

ตอน 3 el camino ruedas

รองเท้ากีฬายี่ห้อดัง ระดับอินเตอร์ ซื้อมาจากแผงขายของมือสอง ที่ตลาดนัดประจำตำบล คู่ละเก้าสิบบาทขาดตัว กำลังนำท่านเหยียบย่างบนทางดิน โรยลูกรัง ขรุขระ el camino ruedas เอล กามิโน รวยดาส หรือแปลว่า ทางเกวียน นี่คือดินแดนของพวกเกาโช่ el gaucho หรือคาวบอย เรียกตามภาษาสเปนในอเมริกาใต้ ซึ่งพวกเกาโช่ เลี้ยงวัวอยู่ในทุ่งกว้าง เวิ้งว้าง ฟ้าจรดฟ้า กลางประเทศอาเจนตินา ชื่อว่า ทุ่งกุลา อุ๊บ โทดที พิมพ์ผิด เขาเรียกทุ่ง "ลา ปัมป้า" la Pampa แบบว่า "ลา"เฉย ๆ ไม่มี "กุ" โปรดอย่าจำผิดว่า "ทุ่งกุลา ปัมป้า" นะแพ่ แล้วโดยฆานประสาทอันไว จมูกท่านได้กลิ่นฉุน ๆ โชยมา ท่านทำจมูกฟุดฟิดพิสูจน์กลิ่น เอ๊ะเนี้ยะ ใช่กลิ่นวัวที่ไหนกัน เนี่ยะ ใช่เลย...กลิ่นขี้วัว

ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ภาษาสเปนเรียก la pastura ลา ปาสตูร่า วัวตัวอ้วนเหมือนคนเป็นโรคอ้วน สี่ห้าตัว นั่ง ๆ นอน ๆ เคี้ยวเอื้องอยู่ไม่ไกลจากทางเดิน ส่วนที่ส่งเสียงร้องมอ มอ มอ กวนตีนอยู่ไกล ๆ โน่นก็มี ท่านเดินไปพลางรู้สึกเสียวสันหลังไปพลาง กลัววัวบ้าจะวิ่งมาขวิด ที่สุดขอบฟ้า ท่านแลเป็นเทือกเขาสีเทาราง ๆ la sierra de cocoteros ลา ซิแอร่า เด โกโกตเตโรส หรือชื่อจริงตามท้องถิ่นเรียก เขาบางมะพร้าว cocotero=มะพร้าว แล้วไกลออกไปลิบ ๆ คือ พุ่มยอดยางใหญ่ ยอดโตนด กับยอดไม้ใหญ่อีกบางชนิด ล้วนแลเห็นจาง ๆ พรางตัวทาบขุนเขาและทาบฟ้าหม่น ดูราวกับว่า ภูมิประเทศที่ท่านเห็นนี้ ลงทะเบียนตัวเอง แน่นิ่งจีรังเช่นนั้น มาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ โห...ท่านกำลังทัศนา จูราสสิค พาร์ค แท้ ๆ เลย ส่วนชายทุ่งริมทางที่ท่านเดิน มีคอกวัวหลังคามุงจาก ที่เคียงอยู่คือขนำน้อยของพวกเกาโช่ ภูมิทัศน์ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ชวนให้ท่านนึกรำพึงว่า แหงเลย แบบนี้ใช่เลย โคดชัวร์ ที่ให้กำเนิดสำนวนสเปนว่า sa pastura son las novelas ซา ปาสตูร่า ซ็อน ลาส โนเวลลาส แปลว่า การเขียนนิยาย คือ ทุ่งหญ้าเลี้ยวสัตว์ของเขา...(ขออภัย "ท่าน" ในที่นี้ ที่จริงหมายถึง "ข้าพเจ้า")
----------------------------------------------------
[เผยแพร่เมื่อ กุมภาพันธ์ 29, 2555]
(จาก ทุ่งกุลา ปัมป้า กับ จูราสสิค พาร์ค ท่านเดินหลง ย้อนเข้าไปในยุคประวัติศาสตร์ เพราะท่านวิงเวียนศีรษะ เกิดอาการศักราชคลาดเคลื่อน โดนอาถรรพ์โดยบังเอิญ เหมือนกับที่หัวเรือของโคลัมบัส บังเอิญเกยเข้ากับทวีปอเมริกา โปรดติดตาม...)

ตอน 4 la hiera de las palmas (โหนดเรียง)

เมฆแพใหญ่ ลอยทะมึนเคลื่อนข้ามเขา มากับโอกาสของฝนเดือนสาม  ฟ้ามืดวูบลงบัดดล สมคำร่ำลือที่ว่า ภูมิภาคเล็ก ๆ แห่งนี้ มีภูมิอากาศ(micro-climate)ที่สามารถมีสามฤดูได้ ภายในวันเดียว  ท่านกำลังเดินเลียบ "คลองคูโหนดเรียง"  ชื่อนี้หยิบคำโดดสี่คำมาเรียงกัน  ได้ความหมายเชิงภูมิศาสตร์ครบถ้วนชัดเจน  และเสนาะโสต(น่าฟัง)  ความหมายตรงตัวว่า เป็นทางน้ำแคบ ๆ เหมือนคู แต่ยาวเหมือนคลอง  ไหลผ่านไปในทุ่งดงตาล(ต้นโตนด หรือภาษาใต้เรียกว่า "โหนด")  ชื่อคลองสายนี้อาจเรียบเรียงเป็นภาษาสเปนได้ว่า el canal de la hiera de las palmas เอล กานาล เด ลา อิเอร่า เด ลาส ปาลมาส

ใต้เงาครึ้มของเมฆดำ  นกคูด(นกกะปูด)โจนทะยานโผไปจากต้นตะเคียนใหญ่ พลางร้องคูด ๆ ๆ ก้องทุ่งดงตาล  ท่านระลึกนึกตระหนักได้ว่า  แม้คำว่า คลองคูโหนดเรียง ซึ่งกระชับและกินความ น่าจะเป็นคำภาษาถิ่นที่ไพเราะ คลาสสิคที่สุด ในรัศมีสิบกิโลเมตร  แต่ว่า เมื่อพ้นรัศมีนี้ไปแล้ว มีคำลึกลับอยู่คำหนึ่ง ซึ่งไม่มีนักโบราณคดีท่านใด ไทยหรือเทศ รู้ที่มาที่ไปของคำ ๆ นั้น  ซึ่งปรากฏหลักฐานบันทึกคำมาแต่ยุคทวารวดี จนถึงยุคขอม เมื่อนครธมยังเป็นพระนครหลวง  ปัจจุบัน คำลึกลับคำดังกล่าว ยังมีลมหายใจอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คน  เป็นชื่อสถานีรถไฟสถานีเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง กับชื่อเขตการปกครองท้องถิ่นแห่งหนึ่ง  คำ ๆ นั้น ยังปรากฏอยู่ในจดหมายเหตุจีน สมัยราชวงศ์ถังด้วย  เราอาจถือได้ว่า คำนั้น คือคำลึกลับที่สุดบนแหลมมลายู...  ซึ่งผู้เขียนคงจะไม่เขียนให้ท่านผู้อ่านกังวลใจ และนึกเครียด ว่าคำลึกลับคำดังกล่าว คือ คำว่าอะไร
------------------------------------------------------
[เผยแพร่เมื่อ มีนาคม 4, 2555]
(ในลำดับต่อไป ท่านจะถูกพวกอินเดียแดง โจมตี  โหมเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า  เรื่องจริงไม่ใช่อิงนิยาย สาบานได้  แล้วท่านจะต่อสู้กับพวกอินเดียแดงได้อย่างไร ในการเดินทางโค้งต่อไปของท่าน...โปรดติดตาม)

ตอน 5 la Sierra nevada

เดินพ้นเขต คลองคูโหนดเรียง  ฟ้าเปิดสว่างแจ้ง  ท่านใช้สายตาสแกนดงสาบเสือ หญ้ามัน หญ้าเห็บ มัยราบ ริมทาง  เห็นเลย เห็นใบและยอดตำลึงเขียวอ่อน  สดอยู่กลางแดด  ท่านรู้สึกหิว นึกถึงต้มผักกับกะปิและเกลือ ที่เรียกกันว่า "แกงเคยเกลือ"  ฝีเท้าไวเท่าฝีความคิด ท่านเร่เข้าไปสาวเถาตำลึงย่านงาม ๆ มาทั้งเส้น ไม่อินังขังขอบ กระชากดึง ทึ้งเอาแบบมือยาวสาวได้สาวเอา  ได้กำโต  จิตปล่อยวางโลกทั้งลูก ปลดเป้ลงวางข้างทาง  ลุยเก็บตำลึง ยึดมั่นถือมั่นแกงเคยเกลือตำลึง อย่างไม่ลืมหูลืมตา

ท่านวางอุเบกขาเรื่อง conserve  กิเลสกระสันแต่จะ consume  ใครมาพูดสะกิดเตือนให้ conserve เกลียด!  ใครยุแยงตะแคงบอน ยกหาง ให้บ้า comsumption รัก มันต้องยังงี้เด่ะ!  มัวแต่เลือกแดกเดี๋ยวก็อดตายหรอก  ตาและใจท่านมืดบอดเหมือนผีดิบฝรั่ง ซ็อมบี้  แลไม่เห็นเลยว่า เลือกแดกตายช้า แดกไม่เลือกตายเร็ว และตายทรมาน  ท่านเห็นยาฆ่าหญ้าเป็นปุ๋ย เห็นอุปสรรคเป็นโอกาส เห็นศัตรูเป็นเครื่องดื่มชูกำลัง เห็นขนดงูพิษเป็นมาลัยดอกรัก เห็นนรกท้าทายความสามารถ และเห็นกงจักรเป็นดอกบัว  ท่านโลภลุยสาวถกเถาตำลึง  กอบและกอบโกยเอามาเป็นของตัว  ถลำลึกเข้าไปในพงรกชัฏ จนถึงตีนเขาซิแอร่า เนวาดา la Sierra nevada  ซึ่งก็คือ จอมปลวกใหญ่ ที่เถาตำลึงพันคลุมถึงยอด  แต่ว่า ที่สเปนและในสหรัฐฯ สิ่งที่คลุมถึงยอดเขาชื่อเดียวกันว่า ซิแอร่า เนวาดา นี้ ไม่ใช่ตำลึงนะ เป็นหิมะ ตะหาก  ความโลภและโง่ ดลให้คิดว่า พงหนามคือโชคดี ซวยคือเฮง อัปรีย์จัญไรคือศิริมงคล นรกยั่วยวนความสามารถ  และกงจักรอันคมกริบ หมุนติ้ว คือดอกบัวที่กำลังแย้มบาน  หรือเซดอีกแบบได้ว่า

                              เห็นนรก  เป็นโบก  ขรณี
                              เปลวอัคคี  คือท่อ  กระสินธุ์สาย

ท่านลืมตัว เผลอตัว และเสียตัว  มัวและมั่วหลงถกรั้งเถาตำลึง  กระทั่งพวกอินเดียแดง(มดแดง) กรูกันออกมาจากด้านหลังเทือกเขาซิแอร่า เนวาดา (จอมปลวก)  จู่โจมท่านประชิดตัว  คาบมีดปีนขึ้นตามแข้งขาของท่าน  วิ่งพล่านกระจายกำลังพล  กัดต่อยท่านจนถึงกลางกระหม่อม  บางตัว กำลังควงสว่านไฟฟ้า เจาะกระโหลกท่านอยู่ ก็มี...
---------------------------------------------------------------
[เผยแพร่เมื่อ มีนาคม 9, 2555]
(...โปรดติดตาม การสู้รบ ดุเดือดเลือดสาด ในโพสต์ต่อไป ครับ pls come back and check it out often)

ตอน 6 Le montañes

ขอบคุณครับ สำหรับท่านผู้อ่านสองสามท่าน ที่มีเมตตาติดตามอ่านเรื่องราว เช้าวันหนึ่ง ในชีวิตการเดินเล่นออกกำลังกาย ของน้องไข่นุ้ย... ทั้ง ๆ ที่ชีวิตภาคส่วนนี้ของน้องเขา ไร้สาระ อับเสอด และน้ำเน่าสุด ๆ แต่ก็อย่างว่า ใช่ว่าชีวิตภาคส่วนอื่นของน้องเขา จะเน่าน้อยกว่านี้ซะเมื่อไหร่ บัดนี้ ก็ถึงตอนที่น้องไข่นุ้ย กำลังล่าถอย วิ่งหนีป่ามัยราพราบ จากเชิงเขาซิแอร่า เนวาดา(จอมปลวกใหญ่) มีกองกำลังติดอาวุธของอินเดียแดง(มดแดง) โห่ร้องไล่ล่ามาเป็นกระพรวน ไข่นุ้ยถลากลับมาบนเส้นทางเดิม ที่ได้ปลดเป้วางพักอยู่นั้น พลางเขาเหวี่ยงตำลึงหอบโต ขว้างดังขวั้บ วืดลงไปกองอยู่กับเป้ แล้วหันขวับเผชิญหน้า วิวาทกับพวกอินเดียแดง อย่างถนัดมือยิ่งขึ้น เพราะว่า น้องเขาเป็นคนชอบมีเรื่องอยู่แล้ว เป็นนิสัย

ช้าไปต๋อย อินเดียแดงปีนป่าย ยุ่มย่าม ยั้วเยี้ย พล่านอยู่ทั่วเสื้อตัวเก่าตัวเก่ง ซึ่งน้องเขามีอยู่ตัวเดียว สีขาวกลายพันธ์เป็นเทา ใส่ไปทัวร์ทุกทัวร์ น้องไข่นุ้ยถลกเสื้อออกจากตัว เหมือนถลกหนัง สะบัดเสื้อแรง ๆ กลางอากาศ เย้ว ๆ ๆ ไล่พวกอินเดียแดงกระดอน ดัสกรกระเด็นไกล ปลิวว่อน เหินหาว แล้วตกแอ้กลงกับพื้น ไล่พวกมันกลับรัง ไป ไป๊ กลับไปเป็นชาวเขา
(
le montañes เล ม็น-ตาน-เญส อยู่บนเทือกเขาซิแอร่า เนวาดา... สำหรับโพสต์นี้ ต้องขออภัย ต่อท่านผู้ที่ใจจดใจจ่อ ด้วยเหตุผลซับซ้อนเกินขีดความสามารถที่ผู้เขียนจะเข้าใจได้ จะรออ่าน เฉพาะตอนที่น้องไข่นุ้ยถอดกางเกง โปรดรอแป้บ เดี๋ยวถอดแน่ พูดจริงทำจริง ใจถึงพอ...


---------------------------------------------------------------------------
(โปรดติดตาม ตอนต่อไป ในโพสต์หน้า ซึ่งน้องไข่นุ้ยจะถอดกางเกง และจะเป็นโพสต์ เรท อาร์ rate R)

ตอนสุดท้าย El parte privado

ทั้งกัด ทั้งจิก ทั้งหยิก ทั้งต่อย  พวกอินเดียแดง(มดแดง)กลุ้มรุมทำร้าย ต่อบริเวณอวัยวะส่วนตัว private part = el parte privado = เอล ปาร์เต ปริวาโด ของน้องไข่นุ้ย  ซึ่งก็คือภายในกางเกงบอล สีฟ้าสด สะท้อนแดด ทอแสงเป็นประกายแวววาว ที่น้องไข่นุ้ยนุ่งอยู่นั้น  เขาจึงดิ้นเร่า กระโดดโลดเต้น เอ๊าออกมาเต้น อย่างกับในงานเธ็คกลางทุ่ง  วิ่งแจ้นไปกำบังตน อยู่หลังต้นหมากผอม ๆ ข้างทาง  ใช้นิ้วมือซ้ายและมือขวา เกี่ยวขอบกางเกงกีฬา รูดพรวดเดียวลงไปกองกับตาตุ่ม  พลางเขาก็ก้มลงมองหา ล้วงหา คลำหา ควานหา พลิกไปพลิกมาหา พบแล้วก็หยิก ทึ้ง ดึง อินเดียแดงออกมาเด็ดชีพ ทีละตัว ทีละตัว ทีละตัว...

ขณะนั้น เขาลืมตัวไปว่า  วันนี้บ็อกเซอร์ก็ไม่ได้นุ่งมาซะด้วย  ใส่หลายชั้นมันร้อน  พอได้สติ เขารีบฉวยกางเกงที่กองอยู่กับข้อเท้า  ออกสะบัด  พรืด ๆ พรืด ๆ ไล่มดแดง  แล้วสวมแคว้บบบ...กลับเข้าที่  แม้ว่าต้นหมากผอมข้างทาง จะกำบังกายให้ไม่ได้  แต่ผู้คนสี่ห้าคนที่เดินผ่านไปมาบนถนน  ไม่มีแม้แต่คนเดียว ที่จะแลเห็นตัวน้องไข่นุ้ยในชุดฉลองวันเกิด  แฮปปี้ เบิร์ธเดย์  เพราะว่า กิจกรรมทั้งหมดนั้น  ไข่นุ้ยสามารถทำได้แล้วเสร็จ ในเวลาเพียง สามวินาทีนาโน(three nanoseconds)  ตาเปล่าของมนุษย์ไม่อาจจะมองเห็นได้  และคลิปไม่หลุด  เว้นแต่ท่านจะดูด้วยแว่นวิเศษ สำหรับส่องดูกิจกรรมนาโนโดยเฉพาะ  โชคดีที่การสร้างแว่นชนิดนั้น ยังสุดเอื้อม  สำหรับระดับเทคโนโลยีต้วมเตี้ยม ตุ้มติ้ม เต่าล้านปี และโคดหน่อมแน้ม ที่มีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน (ชะเอิงเงิย)

-จบแล้วครับ ขอบคุณที่อ่าน
เดฟ นาพญา / แดง ใบเล่

ลิงก์ ของบทความบทนี้
http://pricha123.blogspot.com/2012/04/your-walking-life.html


1 ความคิดเห็น:

  1. ปัญหาอะไรเอ่ยที่ถามไว้ใน ตอน 4 la hiera de las palmas (โหนดเรียง) ว่าคำอะไร คือคำลึกลับที่สุดคำนั้น มีเมลมาถามจำนวนกว่า 1 ล้านเมล (--พูดเล่น ครับ) ว่าคือคำอะไร ให้เฉลยด้วย...
    เฉลยว่า คือคำว่า “คันธุลี” ซึ่งเป็นชื่อตำบลหนึ่ง ในอำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

    ตอบลบ